ชักกังวล! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 40 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 88 ดอลลาร์

279
0
Share:
ชักกังวล! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 40 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 88 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,700 จุด -45 จุด หรือ -0.13% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,949 จุด -15 จุด หรือ -0.39% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,024 จุด -121 จุด หรือ -1.09% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ลดลง -0.01%, -0.69% และ -1.57% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมาชั่งน้ำหนักระหว่างผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในตลาดหุ้นกับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่อาจเกิดการชะลอตัว หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาเซ็นหลุยส์ กล่าวว่า ระดับดอกเบี้ยดังกล่าวยังปรับขึ้นมาไม่เพียงพอที่จะพิจารณาให้เริ่มชะลอตัว หรือตรึงเอาไว้ ที่สำคัญ ตั้งแต่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องดูเหมือนจะให้ผลจำกัดต่ออัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้นรอบใหม่ และสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในรอบเกือบ 7 เดือน ส่งผลรัฐบาลจีนประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองหลวงและเมืองเศรษฐกิจสำคัญทั้งสัปดาห์ สร้างผลกระทบกับธุรกิจข้ามชาติของโลกตะวันตก

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 79.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 87.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ลดลง -10% และ -9% ตามลำดับ

สาเหตุจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ระบาดรุนแรงและกระจายในเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีนรอบใหม่ แนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะขึ้นสูงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอาจสูงขึ้นถึง 7% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้มาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,739.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -11.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.8% ราคาทองคำที่ปรับขึ้นรอบเดือนพฤศจิกายนนี้ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 1,786.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ราคาปิดขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนมาถึงวันนี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 7% สวนทางตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาที่ราคาทองคำตกต่ำมากถึง 15% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคม

ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากผู้กว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่อง คาดว่าจะขึ้นไปอยู่ระหว่าง 4.75%-5.25% ในช่วงต้นปีหน้า ที่สำคัญ การชะลอขึ้นดอกเบี้ยไม่อยู่ในการพิจารณาด้วย