ชาวอเมริกันอยากทำงาน ประชาชนหลายรัฐกดดันเปิดธุรกิจ

605
0
Share:

นายแอนดริว คูโอโม่ ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แถลงว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในนิวยอร์กมีสัญญาณดีขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลลดลงจากที่เคยสูงสุด 18,000 คน เหลือ 16,000 คน จำนวนผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจลดลงเช่นกัน ส่วนจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตรายวันลดลงจากสูงสุดกว่า 800 รายต่อวัน เหลือล่าสุด 507 ราย หากแนวโน้มของตัวชี้วัดทั้งหมดเป็นไปในทางที่ดีขึ้น นั่นหมายถึงรัฐนิวยอร์กผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ยังคงเรียกร้องให้ชาวนิวยอร์กรักษาระยะห่างทางกายภาพต่อไป สถานการณ์ปัจจุบันนั้น สะท้อนว่าควบคุมมาถึงครึ่งทางเท่านั้น ทุกวันนี้ มีการตรวจหาผู้ติดเชื้อในรัฐนิวยอร์กวันละ 2,000 คน หรือสัปดาห์ละ 14,000 คน จากจำนวนชาวนิวยอร์ก 19 ล้านคน
.
สำหรับสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกานั้น พบว่า นับตั้งแต่พบผู้เสียชีวิตรายแรกของสหรัฐเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถัดจากนั้นใช้เวลา 38 วันต่อเนื่องถึงวันที่ 6 เมษายน สหรัฐมีผู้เสียชีวิตครบ 10,000 ราย จากนั้นเพียง 5 วันต่อมา ยอดเสียชีวิตพุ่งครบ 20,000 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตในรัฐนิวยอร์กพุ่งขึ้นจาก 30,000 เป็นมากกว่า 40,000 ราย ภายในเวลา 4 วันให้หลังที่ผ่านมา
.
ผู้ว่าการรัฐหลายแห่ง เช่น แมรี่แลนด์ เวอร์จิเนีย วอชิงตันดีซี เป็นต้น ที่ยังคงเผชิญตัวเลขทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ล้วนไม่เห็นด้วยกับการกลับมาเปิดภาคเศรษฐกิจตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแนวทางการเปิดภาคเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านไป ในขณะที่ประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมากในรัฐฟลอริดา โอไฮโอ เท็กซัส ล้วนเรียกร้องให้กลับมาเปิดธุรกิจการค้าอย่างเร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าการรัฐทั้ง 3 แห่งข้างต้น เตรียมกลับมาเปิดภาคเศรษฐกิจบางส่วนในวันที่ 1 พฤษภาคม หรืออาจจะเร็วกว่านั้น