ชาวไทยในลอส แองเจลิส ต้องอยู่ในบ้านต่อไปอีกถึงกลางเดือนหน้า

821
0
Share:

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า จะไม่มีการยกเลิกมาตรการปิดภาคเศรษฐกิจจนกว่าสหรัฐอเมริกาจะกลับมาอยู่ในภาวะที่ปลอดจากภาวะโรคระบาดที่แพร่ระบาดในสหรัฐ ซึ่งเป็นการตอกย้ำกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลสหรัฐอาจทบทวนและผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวด เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมจัดตั้งคณะสภาแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เพื่อให้บรรดาผู้นำภาคธุรกิจ นายแพทย์ และผู้ว่าการรัฐต่างๆ มาร่วมประชุมหารือกัน เพื่อกำหนดมาตรการและขั้นตอนในการเปิดภาคเศรษฐกิจสหรัฐในอนาคต
.
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข สหรัฐ เปิดเผยว่า หากมีการยกเลิกมาตรการการอยู่บ้าน ยกเลิกการปิดสถาบันการศึกษา ยกเลิกการรักษาระยะห่างทางกายภาพ หลังจากนั้น 30 วัน อาจนำไปสู่ภาวะติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดในฤดูร้อนที่จะมาถึงนี้ หรือราวเดือนกรกฎาคม
.
ด้านผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่า ที่เมืองลอส แองเจลิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย นายกเทศมนตรีเมืองลอส แองเจลิส ประกาศขยายคำสั่งให้ประชาชนชาวลอส แองเจลิส อยู่ในบ้านต่อไปอีก 2 สัปดาห์ โดยขยายไปถึงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ หลังจากพบว่าใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 475 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 18 ราย ส่งผลให้ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 49 ราย รวมเป็น 541 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
.
ในขณะเดียวกันผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก นายแอนดริว คูโอโม่ เปิดเผยว่าในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมืองนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 10,575 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 777 ราย ซึ่งยังคงเป็นสถิติที่น่ากังวล แต่เริ่มลดลงเล็กน้อย ทำให้ยอดเสียชีวิตในเมืองนิวยอร์กขึ้นมาอยู่ที่ 7,844 ราย อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณที่ดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อพบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อยู่ในห้องไอซียูลดลงจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่เริ่มลดลงนับตั้งแต่พบการระบาดในนิวยอร์ก สาเหตุจากการประกาศคำสั่งให้อยู่ที่บ้าน และต้องมีระยะห่างทางกายภาพ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี
.
ทั้งนี้ ธนาคารเจพี มอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลกในสหรัฐ ประกาศปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ลงจากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะทรุดต่ำมากถึง -25% ลงมาเป็น -40% นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าชาวอเมริกันจะตกงานมากถึง 25 ล้านคนในไตรมาสที่ 2 นี้ ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 20% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐอเมริกา