ชีวิตดีกว่า ! “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ชูจุดแข็งมุ่งสู่ผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทย ลุยขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุม 98%ของประชากรทั่วไทย ในปี 2569 คาดผลักดันจีดีพีโต 3.7 แสนล้านบาท ในปี 2573

827
0
Share:

ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ดีแทคและทรูได้ดำเนินการควบรวมเป็นบริษัทใหม่เรียบร้อย โดยได้รับหนังสือรับรองบริษัทใหม่ตามที่ยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมูลค่าของกิจการ ทั้งนี้มูลค่าตลาดของทั้งสองบริษัทรวมกัน (Market Capitalization) ประมาณ 2.94 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราวเพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของทั้งสองบริษัท และการดำเนินการอื่น ๆ

นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “วิสัยทัศน์ของเราคือการมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคม ที่จะเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตคนไทย และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล เราได้ออกจากกรอบความคิดแบบเดิมในการทำธุรกิจโทรคมนาคมปลดล็อกสู่การเติบโตในระยะยาว นี่คือการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทย และปูทางให้ประเทศไทยก้าวสู่ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในโลกดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

การสร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ ได้นำสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งทรูและดีแทคมาผนึกรวมกัน (Best of Both) เพื่อขยายขนาดขึ้น (Scale) และการส่งมอบคุณค่า (Value Creation) ที่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มขีดความแข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งจากองค์กรไทย คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างเทเลนอร์ กรุ๊ป รวมทั้งการผนึกกำลังร่วมกันด้านการลงทุนและรายได้ ซึ่งจะขับเคลื่อนร่วมกัน อาทิ โครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายไอที การจัดซื้อ การขาย การตลาด ช่องทางการค้าปลีก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยจะนำสู่สมดุลความเสมอภาคและความเท่าเทียมในการแข่งขัน และจะนำมาสู่ประโยชน์สูงสุดของลูกค้า รวมทั้งผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับดิจิทัลสตาร์ทอัพซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ บริษัทใหม่จะร่วมกับพันธมิตรระดมทุนจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.3 พันล้านบาท จัดตั้งกองทุน Venture Capital (VC) รวมทั้งจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมที่สนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลเพื่อวางรากฐานสำหรับผลักดันสู่อนาคตของสตาร์ทอัพไทยในระดับยูนิคอร์น ซึ่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญที่พัฒนาจากเทเลนอร์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติอีกด้วย

นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “พันธกิจขององค์กรคือเร่งพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง สนับสนุนคนเก่งรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล และการนำเสนอนวัตกรรมบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างสังคมที่เติบโตอย่างยั่งยืน เราจะมุ่งสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจ และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”

ทั้งนี้บริษัทฯวางแผนขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุม 98% ของประชากร ในปี 2569 พร้อมพัฒนาและขยายเครือข่ายทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตามรายงานโดยการวิจัยของ GSMA คาดว่า 5G จะช่วยผลักดันการเติบโตของ GDP ในประเทศไทยที่มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 แสนล้านบาท) ในปี 2573

ขณะเดียวกัน ทรู คอร์ปอเรชั่น จะให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ “ทรู” และ “ดีแทค” โดยลูกค้าสามารถใช้สัญญาณคุณภาพดีขึ้นทันทีจากสัญลักษณ์เครือข่าย dtac-True และ True-dtac บนหน้าจอมือถือ ซึ่งเป็นก้าวแรกในการพัฒนาคุณภาพสัญญาณโมบายล์อินเทอร์เน็ตด้วยการ “โรมมิ่ง” สัญญาณข้ามโครงข่าย เพื่อใช้งาน 5G และ 4G บนคลื่น 2600 MHz และ 700 MHz โดยลูกค้าดีแทคสามารถใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz และลูกค้าทรูสามารถใช้งาน 4G และ 5G คลื่น 700 MHz ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ทั้งนี้จะขยายครบทั้ง 77 จังหวัดประมาณกลางมีนาคมนี้

ทรูและดีแทคจะผสานพลังเดินหน้า 7 กลยุทธ์หลัก มุ่งสู่เป้าหมายขององค์กร เพื่อนำประเทศไทยสู่อนาคตดิจิทัล ได้แก่
1. ผู้นำด้านโครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างแท้จริง (Be the Undisputed Network and Digital Infrastructure Leader )
2. เติบโตเป็นผู้นำนอกเหนือจากบริการหลัก เพื่อส่งมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่เหนือกว่า (Champion Growth Beyond the Core)
3. สร้างมาตรฐานประสบการณ์ใหม่เพื่อลูกค้าในประเทศไทย (Set the Bar for Customer Experience in Thailand)
4. เติมเต็มชีวิตอัจฉริยะยิ่งขึ้นเพื่อทุกสไตล์ลูกค้าชาวไทย (Enhance Smart Life for Customers)
5. ยกระดับมาตรฐานสำหรับลูกค้าองค์กร (Raise Standards for Enterprise Customers)
6. สร้างสุดยอดองค์กรที่น่าทำงาน (Build the Best Place to Work)
7. การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มคุณค่าขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาว (ESG Best in class: Sustainable Organization to Create Long Term Value)

นอกจากนี้ บริษัทใหม่มุ่งสู่การการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบอย่างยั่งยืนในแนวทาง ESG (Environment, Social, and Governance) โดยกำหนดเป้าหมายก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutral ในปี พ.ศ. 2573 และ Net zero ภายในปี พ.ศ. 2593 รวมทั้งการลดปริมาณขยะฝังกลบ และขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในปี พ.ศ. 2573