ชี้โอกาส! เมตา(เฟซบุ๊ก) เปิดแนวโน้ม 5 ด้านความท้าทายสร้างธุรกิจในไทยปี 67

230
0
Share:
ชี้โอกาส! เมตา (เฟซบุ๊ก) เปิดแนวโน้ม 5 ด้านความท้าทายสร้าง ธุรกิจ ในไทยปี 67

นางสาวแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย จาก Meta เปิดเผย 5 เทรนด์ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับธุรกิจและนักการตลาดในประเทศไทย ประกอบด้วย

1. อิทธิพลของ Gen Z: กลุ่มประชากร Gen Z ซึ่งเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2539 – พ.ศ. 2555 กำลังก้าวเข้าสู่วัยที่เริ่มมีรายได้ เงินออม และรายจ่าย ซึ่งในปัจจุบัน เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มี Gen Z จำนวนกว่า 500 ล้านคน และในเวลาอีกไม่นาน ประชากรกลุ่มนี้จะมีอัตราส่วนถึง 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาค จากการสำรวจล่าสุดของ Meta พบว่า Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มหลักที่ส่งอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย 82% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนออนไลน์อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ผลสำรวจจาก Meta Gen Z Shoppers – Thailand Report ก่อนหน้านี้ยังเผยว่า ในแต่ละเดือน 91% ของกลุ่มผู้บริโภควัย Gen Z ใช้งาน Facebook เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและดูเนื้อหาสื่อต่างๆ ส่วน 85% ของ Gen Z มีการรับชมเนื้อหาต่างๆ ผ่าน Messenger และ 83% ใช้งานผ่านทาง Instagram ทำให้ Meta เป็นแหล่งที่มาของการเชื่อมต่อบนโลกโซเชียล ธุรกิจการค้า และการค้นพบที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับชาวไทยที่กำลังมองหาการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่มีความหมาย เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง

2. การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียว (Solo Economy): ผลศึกษาดังกล่าวได้เผยว่าจำนวนครัวเรือนขนาดเล็กลงและครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค ในปัจจุบัน จาก 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเพิ่มของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวสูงที่สุด มี 3 ประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยในประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการอาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นถึง 20% ภายในปี 2573 ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงความต้องการด้านการอยู่อาศัย สินค้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้พักอาศัยคนเดียวก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงรูปแบบการพักผ่อนและการเลือกรับสื่อก็ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไป โดยความต้องการซื้อสินค้าขนาดเล็กจะเพิ่มสูงขึ้นและมีความถี่มากขึ้น และในอนาคต จะมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้นในการติดตามครีเอเตอร์ รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบนโลกออนไลน์

3. เทคโนโลยี AI: ในปี 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เทคโนโลยี AI ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI โดยมีการคาดการณ์ว่าการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2567 และในอนาคต จากการที่วงการการตลาดและครีเอทีฟได้นำเทคโนโลยี Generative AI มาทดลองใช้ในหลากหลายขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การเขียนคำโฆษณา (copywriting) ไปจนถึงการสร้างสรรค์แนวคิดเชิงครีเอทีฟในการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น

โดย Meta ก็ได้นำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนการพัฒนา Meta Advantage+ ซึ่งเป็นชุดผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นพร้อมอำนวยความสะดวกด้วยเครื่องมือในรูปแบบอัตโนมัติแก่นักโฆษณา โดย Meta ได้เปิดเผยว่า นักโฆษณาที่ใช้บริการบนแพลตฟอร์มของ Meta มากกว่า 50% มีการใช้เครื่องมือ Advantage+ Creative เพื่อปรับแต่งภาพและข้อความในโฆษณาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแนวโน้มนี้คาดว่าจะยิ่งเติบโตมากขึ้นในอนาคต

4. การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging): ในแต่ละวันมีบทสนทนาระหว่างผู้ใช้งานทั่วไปกับธุรกิจบนแพลตฟอร์ม Meta กว่า 600 ล้านข้อความต่อวัน ผลศึกษาระดับโลกล่าสุดโดย Kantar ที่สนับสนุนโดย Meta เผยว่า 71% ของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเลือกที่จะส่งข้อความหาเพจธุรกิจมากกว่าการหาข้อมูลบนเว็บไซต์ และ 69% ของลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าหรือทำธุรกิจกับบริษัทที่สามารถติดต่อได้ผ่านการส่งข้อความ

นอกจากนี้ สำหรับในประเทศไทย การส่งข้อความเชิงธุรกิจยังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องอย่างสูง โดยจากผลสำรวจ Meta เผยว่า 81% ของคนไทยรู้สึกใกล้ชิดกับธุรกิจมากขึ้น เมื่อพวกเขาสามารถส่งข้อความหาธุรกิจได้โดยตรง และมีกว่า 78% ของคนไทยที่ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ส่งข้อความหาธุรกิจอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และในปี 2567 นี้ คาดว่าจะมีการให้บริการเครื่องมือและบริการใหม่ๆ ผ่านการฟีเจอร์ส่งข้อความ เช่น เป็นการจองการเดินทาง การส่งปฏิทินนัดหมาย และการซื้อสินค้า นอกจากนี้ ผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI บนระบบแชตก็จะมีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

5. วิดีโอขนาดสั้น: วิดีโอสั้นอย่าง Reels เป็นรูปแบบคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ตที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในด้านวัฒนธรรมและประชากรศาสตร์ จากการสำรวจผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 13-64 ปี ในภูมิภาคเมื่อเร็วๆ นี้ โดยทีมวิจัยการตลาดธุรกิจและธุรกิจอัจฉริยะ (Business Marketing Research and Intelligence) ร่วมกับองค์กรวิจัย Factworks พบว่าผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z มีแนวโน้มที่จะติดตามธุรกิจมากขึ้น 77% แท็กแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ 72% หรือซื้อสินค้า 72% หลังจากการรับชม Reels นอกจากนี้ 84% ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคยังเคยแชร์ Reels ให้กับเพื่อนหรือครอบครัวอีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ใช้ Reels กว่า 2 แสนล้านครั้งต่อวันบน Facebook และ Instagram นอกจากนี้ Reels ยังเพิ่มการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากขึ้นกว่า 40% โดยประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของโลกที่นิยมในการสร้างคลิปวิดีโอ Reels