ช็อคล่ะ! กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เจอป่วยโควิดพันธุ์อินเดีย 10 คน รักษาโรงพยาบาลใจกลางกรุง

625
0
Share:

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังและติดตามสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เมษายน 2564 จำนวน 5,055 คน พบว่าเป็นสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) 4,528 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 89.6 ส่วนสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) 496 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 9.8 ,สายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) พบ 3 คน ทั้งนี้ การรระบาดของสายพันธุ์เบตายังพบอยู่ใน จ.นราธิวาส และกระจายแค่ 3 อำเภอเท่านั้น ส่วนสายพันธุ์เดลตา พบว่ามีการระบาดใน กทม.มากที่สุดถึง 404 คน

ส่วนการระบาดในต่างจังหวัดรวม 19 จังหวัด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ใน กทม. อาทิ แคมป์คนงานก่อสร้างหลักสี่ และล่าสุดจากการตรวจหาสายพันธุ์ในผู้ป่วย พบว่ามีผู้ป่วยนับ 10 คน ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) รักษาอยู่ รพ.กลางกรุง 3-4 แห่ง

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์ของสายพันธุ์ไวรัสโควิด คาดว่าภายในไม่เกิน 2-3 เดือน สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) เนื่องจากการแพร่ระบาดที่เร็วกว่าถึงร้อยละ 40

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อไปว่า กรมวิทย์ฯ ยังเตรียมศึกษาวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับผลมีสายพันธุ์หรือไม่ โดยใช้อาสาสมัคร 200 คน เป็นการเก็บเลือดแล้วมาเพาะกับเชื้อไวรัส ดูภูมิคุ้มกัน พบว่าในส่วนของสายพันธุ์ดั้งเดิม (จีน )เมื่อร่างกายรับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม พบว่าเกิดภูมิคุ้มกันได้ 100% แต่เมื่อตรวจสอบกับไวรัสสายพันธุ์อัลฟา พบว่ามีภูมิขึ้น 50-60% แต่ในส่วนของสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) และเบตา (แอฟริกาใต้) ยังอยู่ระหว่างการทดสอบดูภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกับการติดตามระดับภูมิคุ้มในวัคซีนแอสตราเซเนกาเมื่อรับไปแล้ว 1 เข็ม