ซีอีโอธนาคารยักษ์ระดับโลก เตือนอาจเห็นดอกเบี้ยสหรัฐขึ้นอีกกว่า 1% ไปสูงสุดใน 34 ปี

194
0
Share:
ซีอีโอธนาคารยักษ์ระดับโลก เตือนอาจเห็น ดอกเบี้ย สหรัฐ ขึ้นอีกกว่า 1% ไปสูงสุดใน 34 ปี

นายเจมี ดิมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา กล่าวในคืนผ่านมาว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด อาจจะยังคงอยู่ห่างไกลจากการยุติปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง จากมุมมองส่วนตัวกับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดนั้น เฟดอาจจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวอีก 1.5% จากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ทำให้ดอกเบี้ยดังกล่าวจะได้เห็นสูงสุดที่ระดับ 7%

หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นแตะที่ 7% นั่นหมายถึงเป็นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 1990 หรือสูงสุดในรอบ 34 ปีผ่านมา ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 5.25-5.50% ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 22 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวยอมรับว่า ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่อาจจะสูงถึง 7% ได้อย่างชัดเจน เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอาจเผชิญกับการชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือ Soft Landing หรืออาจะเผชิญภาวะถดถอยปานกลาง หรืออาจเผชิญกับภาวะถดถอยหนัก นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวที่อาจสูงถึง 7% นั้น จะฉุดกำลังการใช้จ่ายของผู้บริโภค และฉุดรั้งการลงทุนทางธุรกิจ ในที่สุดนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวที่ชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เลวร้ายซึ่งมีกำลังแรงนั้นจะเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอาจตกอยู่ในภาวะการขยายตัวต่ำมากท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่สูงมากในหลายทศวรรษ หรือเรียกว่าภาวะสแตกแฟรชั่น (Stagflation) ถ้าหากเกิดสถานการณ์แบบนี้ จะได้เห็นประชาชนมีความลำบาก

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ซีอีโอธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวให้สัมภาษณ์ที่เมืองมุมไบ กับไทม์ส ออฟ อินเดีย ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังระดับประเทศอินเดีย ว่า การขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารสหรัฐจาก 0 ถึง 2% แทบจะไม่รู้สึกว่าดอกเบี้ยปรับขึ้น เมื่อปรับขึ้นจาก 0 เป็น 5% ทำให้บางคนไม่ทันระวังขึ้นมา ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าทั่วโลกได้เตรียมพร้อมพอที่จะเจอกับดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดสูงถึง 7%

ซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวในครั้งนั้นว่า ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 5% กับ 7% อาจสร้างความเจ็บปวดให้กับเศรษฐกิจมากกว่าการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจากระดับ 3% เป็น 5% อย่างที่เคยเกิดขึ้นผ่านมา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายนผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด โดยมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในรอบ 1 ปีกว่าผ่านมานั้น นายเจมี ดิมอน กล่าวก่อนถึงวันที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงวันเดียว ว่า เฟดยังคงต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปในช่วงอีกหลายเดือนข้างหน้า ในช่วงเวลาที่ผ่เฟดานมา เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวช้าเกินไป และการีบเร่งปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนผ่านมานั้น เป็นเพียงทำให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นมาทันกับสถานการณ์เท่านั้นเอง

ซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวอย่างมั่นใจว่า สิ่งที่พูดถึงเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาในอีก 4 หรือ 6 เดือนจากนี้ไป จะยังเห็นอัตราเงินเฟ้อสูงในระดับ 4% และเงินเฟ้อดังกล่าวจะไม่มีสัญญาณลดลงสำหรับเหตุผลหรือปัจจัยต่างๆมากมายที่จะพยายามอธิบายถึงสาเหตุทั้งหมด

ทั้งนี้ นายเจมี ดิมอน กล่าวทิ้งท้ายว่า สหรัฐอเมริกามีเศรฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่อย่าสับสนระหว่างเศรษฐกิจวันนี้กับวันพรุ่งนี้ ปัจจัยเหล่านี้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ และถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม เกิดส่งผลขึ้นมากับเศรษฐกิจ ทุกคนจะได้เห็นผลลัพธ์