ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ปิดลงแรงกว่า 200 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งกว่า 2% เหนือ 85 ดอลลาร์

327
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวน์โจนส์ ปิดลงแรงกว่า 200 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งกว่า 2% เหนือ 85 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,949 จุด -207 จุด หรือ -0.61% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,117 จุด -46 จุด หรือ -1.11% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,910 จุด -203 จุด หรือ -1.68%

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมาเทขายหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นหลังประกาศผลประกอบการออกมาดี หรือตามเป้าหมาย ในขณะที่ให้ความสำคันกับแนวโน้มการประกาศผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 78.47 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.7% ส่งผลรวม 3 วันติดกัน ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น 5.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +6.8%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดเพิ่มขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ตุลาคม 2022

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 85.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.7% ส่งผลรวม 3 วันติดกัน ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ เพิ่มสูงขึ้น 5.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +6.3%

ในปีผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากประฌานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวส่งสัญญาณในคืนผ่านมาว่า กลไกหรือกระบวนการนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงใช้เวลาอีกยาวนานเนื่องจากเป็นเพียงการเริ่มต้นของกลไกเงินเฟ้อดังกล่าว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เนื่องจากการกลับมาเปิดประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่ ด้านซาอุดีอาระเบียประกาศปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบคุณภาพสูงสำหรับตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นการปรับราคาขายขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนผ่านมา จากการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการเปิดประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่

นอกจากนี้ แผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่รอบ 84 ปีที่ตุรกีได้สร้างความเสียหายให้กับท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบเมืองเคย์ฮานในตุรกี ส่งผลให้ต้องปิดบริการส่งออกน้ำมันดิบระหว่าง 6-8 กุมภาพันธ์นี้ กระทบปริมาณน้ำมันดิบส่งออกจากท่าเรือดังกล่าวถึงวันละ 1 ล้านบาร์เรล

กลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู เตรียมประชุมครั้งสุดท้ายในวันนี้ เพื่อขอมติอย่างเป็นเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกทั้ง 27 ชาติในการประกาศบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียด้วยการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดีเซลที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,890.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +5.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3% ขณะที่ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ระดับ 1,875.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ +4.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +0.1%

ย้อนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม ในช่วงระหว่างวัน พบว่าราคาทองคำพุ่งทะยานสูงถึง 1,956.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2022 ซึ่งในวันนั้น ทองคำมีราคาที่ระดับ 1,957.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ในปีผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกจากร่วงอ่อนค่าแรงถึง 0.9% ในระหว่างการซื้อขายในคืนผ่านมาขึ้นมาแข็งค่า สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ที่ยังเพิ่มขึ้น หลังจากนักลงทุนประเมินมุมมองของประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดในคืนผ่านมาเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้น สอดรับกับผู้ว่าการเฟดจากหลายสาขาที่ยังคงมีมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายจะต้องเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้