ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดกระฉูด 400 จุด น้ำมันดิบโลกพุ่งกระชากใกล้ 99 ดอลลาร์

241
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดกระฉูด 400 จุด น้ำมันดิบโลกพุ่งกระชากใกล้ 99 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,403 จุด +401 จุด หรือ +1.26% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,770 จุด +50 จุด หรือ +1.36% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,475 จุด +132 จุด หรือ +1.28% ส่งผลให้หยุดสถิติดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดร่วงลงถึง 4 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงลง -1.4%, -3.35% และ -5.65% ตามลำดับ

สาเหตุจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 261,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดว่าจะมีจำนวน 205,000 คน และอัตราว่างงานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.5% ด้วยเหตุนี้ ทำให้นักลงทุนเกิดแนวคิดต่างกัน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกกังวลว่าดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นต่อไป ส่วนอีกกลุ่มมองว่าอัตราว่างงานที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคมที่ผ่านไป พบว่าดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งทะยานสูงถึง 13.95% ทำสถิติดีที่สุดรายเดือนในรอบ 46 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่ปี 1976 ในยุคประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโรนัลด์ เรแกน เป็นต้นมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคมในหลายปีผ่านมา พบว่าเป็นดัชนีหั่นดาวโจนส์เดืตุลาคมที่ดีที่สุดในรอบ 126 ปี หรือนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งดัชนีหุ้นดาวโจนส์เมื่อปี 1896 เป็นต้นมา ขณะที่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดคปิดขึ้น 8% และ 3.9% ตามลำดับ

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 92.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +5.00% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 98.57 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +3.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.40% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ทะยานขึ้น 4.7% และ 2.9% ตามลำดับ

สาเหตุจากอดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนแผ่นดินใหญ่ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในจีนจะมีมากขึ้นในเร็วนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนมองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดน้ำมันดิบโลก ท่ามกลางรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศชัดเจนในการยึดนโยบายไม่อยู่ร่วมกับโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่ยังคงมีมาตรการสั่งล็อกดาวน์เมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น อู่ฮั่น กว่างโจว และซีหนิง หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้รุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานแข็งค่าต่อเนื่อง

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,684.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +53.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.3% ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นเกือบ 2.2% ทำสถิติดีที่สุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าอย่างหนาตา รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงอย่างรวดเร็ว ตามด้วยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับลดลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2008 หลังจากอัตราการว่างงานเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเกินคาดหมายมาแตะระดับ 3.7% ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจชะลอขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น