ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นแรงกว่า 430 จุด น้ำมันดิบร่วงปิดต่ำกว่า 113 ดอลลาร์

311
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นแรงกว่า 430 จุด น้ำมันดิบร่วงปิดต่ำกว่า 113 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,654 จุด +431 จุด หรือ +1.34% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,088 จุด +80 จุด หรือ +2.02% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 11,984 จุด +321 จุด หรือ +2.76%

สาเหตุจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับตัวเลขยอดขายปลีก และการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรที่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ยังคงสะท้อนปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกากล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ท่ามกลางปัจจัยลบของอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนของสหรัฐอเมริกาที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 8.3% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 8.2% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาในแง่เฉลี่ย 1 ปี ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดที่ 8.5% ในรอบ 40 ปีต่อเนื่อง ยังคงสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต่อไป

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 112.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.58% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 111.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.97% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะอนุญาตให้บริษัทเชฟรอน ผู้ผลิตพลังงานยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ทำการเจรจากับประเทศเวเนซุเอลาในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันชั่วคราว เพื่อสั่งซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,819.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +5.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มทรงตัวอยู่ในสถิติระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นกลับทรงตัวแตะ 3% สูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 3 ปี หลังเงินเฟ้อในเมษายนของสหรัฐอเมริกายังคงเพิ่มขึ้นที่ระดับ 8.3% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้