ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นแผ่วๆกว่า 10 จุด
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,915 จุด +16 จุด หรือ +0.05% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,121 จุด +12 จุด หรือ +0.31% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 12,061 จุด +48 จุด หรือ +0.40% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปรับลดลงสุทธิ -1.0%, -1.2% และ -1.0% ตามลำดับ
สาเหตุจากในคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นขาดปัจจัย และข่าวที่สามารถชี้นำแนวโน้มการลงทุน หลังจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น และการยกเลิกมาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในระบบการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่เริ่มต้นในเดือนนี้ ยังคงมีอิทธิพลสูงในการกดดันการลงทุน
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 118.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% มีราคาปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 118.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.5% มีราคาสูงใกล้เคียงสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาขายน้ำมันดิบให้ตลาดเอเชีย และยุโรป กว่า 2 ดอลลาร์จากราคาเดิมในเดือนที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม เป็นเดือนละ 648,000 บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้นั้น แทบจะไม่มีผลทำให้สภาพน้ำมันดิบตึงตัวผ่อนคลายลงแต่อย่างใด
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,843.70 อลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -6.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.4% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับทะยานแข็งค่าครั้งใหม่ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 3%
