ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 30 จุด นักลงทุนมั่นใจดอกเบี้ยสหรัฐนิ่งยาวในปีนี้

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,095 จุด +34 จุด หรือ +0.10% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,365 จุด +7 จุด หรือ +0.18% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,518 จุด +40 จุด หรือ +0.30% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดขึ้น 6 วันต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 3 เดือนกว่า และ 4 เดือนกว่า หรือตั้งแต่เดือนกรกฏาคม และเดือนมิถุนายนตามลำดับ และดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดขึ้น 7 วันต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 10 เดือน หรือตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติปิดดีที่สุดในรอบ 4 เดือน(ตั้งแต่มิถุนายน), 8 เดือน(ตั้งแต่กุมภาพันธ์) และ 3 เดือน(ตั้งแต่กรกฎาคม) ตามลำดับ

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +5.07%, +5.85% และ +6.61% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 1 เดือน (ตั้งแต่ตุลาคม 2022), 1 ปี (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2022) และ 1 ปี (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2022) ตามลำดับ

ขณะที่ในเดือนตุลาคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -1.4%, -2.2% และ -2.8% ตามลำดับ ทำให้ดัชนีหุ้นทั้งดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นรายเดือนปิดลดลงครั้งแรกใน 3 เดือนผ่านมา เกิดขึ้นในรอบ 3 ปี 7 เดือน หรือตั้งแต่มีนาคมปี 2020

สาเหตุจากถีงแม้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ย้อนกลับเพิ่มขึ้นในช่วงแคบมาแตะที่ระดับ 4.65% สอดรับกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึันเล็กน้อย แต่นักลงทุนยังคงมองว่าแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคม

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 95% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 80%