ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นเบาบาง ดอลลาร์พลิกแข็งค่าขึ้นหลังร่วงต่ำสุดใน 3 เดือน

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 35,430 จุด +13 จุด หรือ +0.04% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,550 จุด -4 จุด หรือ -0.09% และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 14,258 จุด -23 จุด หรือ -0.16%

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +1.27%, +1% และ +0.89% ตามลำดับ ส่งผลตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดครายสัปดาห์ปิดต่อเนื่องยาวนานในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปีนี้ เช่นเดียวกันกับ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์รายสัปดาห์ปิดต่อเนื่องยาวนานในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่เมษายนปีนี้

ในเดือนพฤศจิกายนจนถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้นถึง +7.2%, +8.5% และ +10.9% ตามลำดับ

สาเหตุจากท่ามกลางผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 4.3% ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน แต่ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 3 ที่ปรับปรุงใหม่กลับขยายตัวสูงกว่าคาดหมายมาอยู่ที่ระดับ 5.2% จากที่ประเมินไว้ที่ 5.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ส่งผลเป็นตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวมากสุดในรอบ 2 ปีท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐที่ทรงตัวในระดับสูงกว่า 22 ปี จึงเกิดความกังวลครั้งใหม่กับแนวโน้มการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด สอดรับกับรับผู้ว่าการธนาคารสหรัฐอเมริกา หรือเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า ในการประชุมเฟดไม่เคยตีตกการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ถ้าหากตัวเลขเงินเฟ้อไม่ได้มีสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้นจากที่เมื่อวานนี้ร่วงลง 0.5% ทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ครึ่ง หรือตั้งแต่กลางสิงหาคมผ่านมา

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 100% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 91% ยังคาดการณ์ว่ามีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่เฟดจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรกในต้นเดือนพฤษภาคมปี 2024