ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งแรงกว่า 120 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเหนือ 76 ดอลลาร์

162
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งแรงกว่า 120 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเหนือ 76 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,288 จุด -129 จุด หรือ -0.38% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,446 จุด -8 จุด หรือ -0.20% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,791 จุด -25 จุด หรือ -0.28%

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลครั้งใหม่กับแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด หลังจากเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟดในคืนผ่านมา

ขณะที่ตัวชี้วัดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอีเฟดวอทช์ ทูล พบว่า มีโอกาส 89% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 67% ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ที่สำคัญ โอกาสลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.9% ส่งผลราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดต่อกันถึง 3.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.5% ส่งผลราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ ปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดต่อกันถึง 2.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจถึงวันละ 1 ล้านบาร์เรลเพิ่มเติมในเดือนสิงหาคมหลังจากเริ่มต้นลดกำลังการผลิตวันละ 1 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้เป็นเดือนแรก สอดคล้องกับรองนายกรัฐมนตรี รัสเซีย กล่าวว่า จะลดปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบไปตลาดโลกวันละ 500,000 บาร์เรล มีผลในเดือนสิงหาคมนี้ ปริมาณดังกล่าวเท่ากับ 1.5% ของปริมาณซัพพลายน้ำมันดิบตลาดโลก รวมถึงอัลจีเรียประกาศลดปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบไปตลาดโลกวันละ 20,000 บาร์เรล มีผลในเดือนสิงหาคมด้วย

หากซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และอัลจีเรีย ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามที่ประกาศไว้ในเดือนหน้าเต็มรูปแบบ ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบลดลงถึงวันละ 5.35 ล้านบาร์เรล และอาจเป็นไปได้ที่จะลดลงมากกว่าตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากประเทศสมาชิกหลายแห่งในกลุ่มโอเปกพลัสยังไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้ตามโควต้าการผลิตที่กำหนดไว้

ขณะนี้ การลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสที่เริ่มต้นในเดือนนี้ ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบลดลงมากกว่าวันละ 5 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็น 5% ของปริมาณผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก

ธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ วิเคราะห์ว่า ถึงแม้จะยังไม่ถึงวันที่กลุ่มโอเปกพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบก็ตาม แต่ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ตลาดน้ำมันดิบโลกจะเผชิญกับปริมาณน้ำมันดิบขาดแคลนราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 นี้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับมากังวลครั้งใหม่กับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสำคัญของโลก

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,916.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -4.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.1% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,927.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -2.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากการประกาศบันทึกผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ของการประชุมในเดือนผ่านไป ซึ่งเปิดเผยในคืนผ่านมา พบว่า กรรมการทุกคนมีมมุมมองเดียวกันที่จะปรับขึ้นมาดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไป แต่ในแนวโน้มที่ไม่เพิ่มขึ้นสูงเหมือนช่วงผ่านมา

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นทันทีถึง 0.3% สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้น เพิ่มสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน

นักลงทุนยังคงกังวลกับการยืนยันแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ยังต้องปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงประธานธนาคารกลางกลุ่มยูโรที่กล่าวว่า เงินเฟ้อในกลุ่มยูโรยังควบคุมได้ยาก จึงเลี่ยงที่จะพูดถึงรอบการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริการาว 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 89% มากกว่าเมื่อวานนี้ที่ระดับ 82%