ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงเล็กน้อยแต่เหนือ 94 ดอลลาร์

160
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงเล็กน้อยแต่เหนือ 94 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,517 จุด -106 จุด หรือ -0.31% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,443 จุด -9 จุด หรือ -0.22% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,678 จุด -32 จุด หรือ -0.23%

สาเหตุจากนักลงทุนเตรียมรอฟังผลการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ การขายทำกำไรเพิ่อลดความเสี่ยงยังเกิดขึ้นกับหุ้นผลิตไมโครชิปมีชื่อว่า บริษัทเออาร์เอ็ม (ARM) ของมหาเศรษฐีมาซาโยชิ ซอน ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซอฟท์แบงก์ โดยเข้าซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีเป็นวันแรกที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก มีราคาปิดแตะหุ้นละ 63.59 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,290 บาท จากราคาหุ้นไอพีโอที่หุ้นละ 51 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,836 บาท หรือพุ่งถึง 25% จากราคาหุ้นไอพีโอ นอกจากนี้ เงินเฟ้อผู้ผลิตทั่วไปและขั้นพื้นฐานเดือนสิงหาคมในสหรัฐอเมริกาหวนกลับเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในความคาดหมาย

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายนนี้ อยู่ที่ระดับ 97% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 93% และโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 41% จากเดิมที่โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 50%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 91.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่ในช่วงระหว่างวัน มีราคาพุ่งสูงสุดแตะที่ 93.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาปิดที่ลดลงส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 3 วันติดต่อกันรวม +2.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2022

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 94.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่ในช่วงระหว่างวัน มีราคาพุ่งสูงสุดแตะที่ 93.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาปิดที่ลดลงส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 3 วันติดต่อกันรวม +2.55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดสูงสุดในรอบ 9 เดือน 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมา

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนขายเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นๆ หลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในช่วง 3 วันติดต่อ นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดน้ำมันดิบตึงตัว หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยรายงานสถานการณ์น้ำมันดิบประจำเดือน พบว่า ประเมินความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกวันละ 2.24 ล้านบาร์เรลในปีนี้ ในขณะที่ประเมินปีหน้า 2024 ทั้งความต้องการบริโภคจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรล และปริมานการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากประเมินสัญญาณฟื้นตัวของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่

สอดรับกับสำนักงานข้อมูลพลังงาน สหรัฐอเมริกา หรืออีไอเอ เปิดเผยว่า ในปีนี้ 2023 ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตได้ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 101.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีหน้า 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 102.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 101 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีหน้า 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 102.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในอดีตผ่านมา ทั่วโลกทำสถิติเป็นประวัติการณ์ทั้งปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ และการบริโภคน้ำมันดิบ โดยในปี 2018 มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกที่วันละ 100.5 ล้านบาร์เรล ส่วนในปี 2019 มีความต้องการการบริโภคน้ำมันดิบอยู่ที่ วันละ 100.8 ล้านบาร์เรล

อีไอเอ ยังคาดการณ์ต่อไปว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงถึงเกือบ 500,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่งผลให้ประเมินราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ จะมีราคาเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ สูงถึง 93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 สอดคลัองกับรัฐบาลประเทศรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 300,000 บาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสจะลดลงถึงวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2023

การประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก และรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกกลุ่มโอเปกที่มากที่สุดในโลก รวมกันวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อไปอีก 3 เดือน กลายเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของตลาดพลังงานโลก เนื่องจากเดิมคาดการณ์ว่าทั้ง 2 ประเทศจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,931.45 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -2.11 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.1% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,952.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น +0.1% ทำสถิติราคาทองคำมีราคาต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ผ่านมา ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำตลาดโลกเพิ่มขึ้น +0.6%

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกร่วงอ่อนค่าอย่างมาก หลังจากพนักงานของ 3 ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาผละงานพร้อมกันโดยมีจำนวนมากกว่า 12,000 คน ส่งผลสะท้อนไปถึงแนวโน้มการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐของเฟดที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายน

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายนนี้ อยู่ที่ระดับ 99% ขณะที่โอกาสขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 41% จากเดิมมีโอกาสที่ 50% ที่จะตรึงดอกเบี้ยต่อไป