ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 220 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นแตะ 94 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,381 จุด +229 จุด หรือ +0.71% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,110 จุด +43 จุด หรือ +1.06% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,266 จุด +154 จุด หรือ +1.27% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งพุ่งขึ้น +2.66%, +3.65% และ +4.14% ตามลำดับ ทำให้หยุดสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ตกต่ำ 3 สัปดาห์ติดต่อกันเป็นผลสำเร็จ

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เมื่อตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมอาจชะลอตัวลง 0.1% อย่างไรก็ตาม การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมดังกล่าวจะประกาศในคืนวันนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 87.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.1% รวม 3 วันทำการติดต่อกันทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งถึง 5.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 94.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.3% รวม 3 วันทำการติดต่อกันทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งถึง 6.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ทำสถิติราคาปิดต่ำกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปรับลดลง -0.1% และ -0.2% ตามลำดับ

สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์รายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาถึงวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ลดลงมากถึง 9.4 ล้านบาร์เรล มาเหลือเพียง 434.1 ล้านบาร์เรล ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 38 ปี หรือตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา นอกจากนี้ กลุ่มสหภาพยุโรปจะยุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียมีผลตั้งแต่ 5 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป ทำให้สถานการณ์ปริมาณน้ำมันดิบตลาดโลกจะเกิดภาวะตึงตัวต่อเนื่อง

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,735,80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +8.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.42% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำเพิ่มขึ้น +0.3% ส่งผลเป็นราคาทองคำตลาดโลกรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ผ่านมา สำหรับเดือนสิงหาคมนั้น ราคาทองคำลดลง -3% แต่ยังทำให้เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ราคาทองคำตลาดโลกลดลง ทำให้กลายเป็นราคาทองคำรายเดือนที่ตกต่ำยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2018

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกร่วงอ่อนค่าลงมาเคลื่อนไหวต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์