ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 160 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเหนือ 100 ดอลลาร์

339
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 160 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเหนือ 100 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 33,892 จุด -166 จุด หรือ -0.49% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,373 จุด -10 จุด หรือ -0.24% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,751 จุด +56 จุด หรือ +0.41% ส่งผลให้เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ร่วงลง -3.5%, -3.1% และ -3.4% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนยังคงประเมินสถานการณ์ และแนวโน้มของการตอบโต้มาตรการเศรษฐกิจของนานาชาติที่มีต่อรัสเซีย รวมถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารรัสเซียและทหารยูเครนในพื้นที่สำคัญในประเทศยูเครน นอกจากนี้ นักลงทุนเตรียมประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้กับการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาที่พุ่งสูงในรอบหลายทศวรรษ

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 95.72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +4.13 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +4.5% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 100.55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.7% ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง เพิ่มขึ้น +0.6% และ +4.7% ตามลำดับ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ในช่วงระหว่างการซื้อขาย พบว่าราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ พุ่งสูงถึงระดับ 100.54 และ 105.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนานาชาติประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินระหว่างประเทศกับรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับผลกระทบต่อราคาพลังงานทางอ้อมอย่างเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ นักลงทุนจับตามองการประชุมแบงก์ชาติสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ ที่จะมีการประบขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรก ท่ามกลางประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกากำลังทำงานกับนานาชาติในการปล่อยน้ำมันดิบสำรองเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันเข้าสู่ตลาด เพื่อกดดันราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วในรอบ 8 ปี ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤตรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ตาม วิกฤตสถานการณ์รุนแรงระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการคว่ำบาตรจากนานาชาติทั่วโลก ยังคงกดดันราคาน้ำมันดิบโลกต่อเนื่อง นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานภาวะน้ำมันดิบโลก พบว่าตลาดน้ำมันดิบยังคงตึงตัวต่อเนื่องหลังจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตอีก 400,000 บาร์เรลในเดือนมีนาคม โดยทั่วโลกต้องการใช้น้ำมันดิบปี 2565 สูงถึง 100.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,917.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +28.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.6% ยังคงมีราคาเข้าใกล้สถิติราคาทองคำปิดสูงสุดในรอบ 18 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2564 โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่รัสเซียเปิดการโจมตีทางทหารกับยูเครน ส่งผลให้ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 1,973.96 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งขึ้น 6.5% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของทั้งรัสเซียและยูเครน โดยมองว่ามาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกมีความรุนแรงมากขึ้นกับระบบการเงินระหว่างประเทศกับรัสเซีย ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดแข็งค่าต่อเนื่อง