ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงแรงเกือบ 500 จุด น้ำมันดิบปิดยืนเหนือ 116 ดอลลาร์

375
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงแรงเกือบ 500 จุด น้ำมันดิบปิดยืนเหนือ 116 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 30,946 จุด -491 จุด หรือ -1.56% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,821 จุด -78 จุด หรือ -2.01% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,181 จุด -343 จุด หรือ -2.98% ส่งผลให้ในขณะนี้ ใกล้สิ้นสุดครึ่งปีแรกของ 2565 ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 กำลังทำสถิติดัชนีหุ้นรายครึ่งปีแรกที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 52 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1970 เนื่องจากดำดิ่งหนักถึง -21.01% เมื่อเทียบจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เข้าสู่ภาวะหมี หรือ Bear Market ในขณะที่ปีนี้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวร่วงรุนแรงถึง -20% นอกจากนี้ ในแง่ดัชนีหุ้นรายไตรมาส ยังพบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 กำลังทำสถิติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 2 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 ส่วนดัชนีหุ้นนาสแดครายไตรมาสดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 14 ปี

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเกิดถดถอย หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงมาอยู่ที่ 98.7 จุด ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 100 จุด ปัจจัยดังกล่าวตอกย้ำแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ถดถอย

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 110.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.9% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 116.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.00% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากกลุ่มจี 7 มีมติให้ศีกษามาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซีย ซึ่งเป็นท่าทีกดดันรัสเซียล่าสุดในการคว่ำบาตรน้ำมันดิบจากรัสเซีย นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรต ซึ่งถูกมองว่าจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้รวมดันมาทดแทนปริมาณน้ำมันดิบของรัสเซีย อาจไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นตามเป้าหมายได้ เนื่องจาก ยูเออีผลิตน้ำมันดิบในปัจจุบันใก้จุดสูงสุดที่วันละ 3.168 ล้านบาร์เรลตามโควต้าที่กำหนดไว้ ส่วนซาอุดีอาระเบียสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกวันละ 150,000 บาร์เรลจากปัจจุบัน ขณะที่ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเอกวาดอร์ และลิเบีย อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การผลิตน้ำมันดิบในทั้ง 2 ประเทศ

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,821.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -2.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.2% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปรับแข็งค่าขึ้น และนักลงทุนรอติดตามการประชุมเวทีธนาคารกลางกลุ่มยูโรที่ประเทศโปรตุเกส โดยเฉพาะแนวโน้มหรือมุมมองเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของกลุ่มยูโร