ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงเหลือกว่า 96 ดอลลาร์

190
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงเหลือกว่า 96 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 29,202 จุด -93 จุด หรือ -0.32% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,612 จุด -27 จุด หรือ -0.75% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,542 จุด -110 จุด หรือ -1.04% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดต่ำสุดในรอบ 2 ปี และยังหลุดระดับ 11,000 จุดครั้งใหม่ข้ามสัปดาห์ นอกจากนี้ ส่งผลให้ใน 3 วันทำการติดต่อกัน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งดำดิ่ง -1,069 จุด, -169 จุด และ -605 จุด ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามากขึ้น หลังจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค นายเจมี ไดมอน กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแท้จริงในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมองว่าดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 จะดำดิ่งแรงอีกถึง -20% จากปัจจุบัน ซึ่งขึ้นอยู่กับธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะบริหารจัดการภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาให้ถดถอยอย่างนุ่มนวล หรือรุนแรง

แรงกดดันปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต่อเนื่อง หลังจากตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 263,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยที่ 275,000 คน และเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 17 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานกลับลดต่ำลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5% จากเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 3.7% สะท้อนถึงภาวะแรงงานยังขยายตัวแข็งแกร่ง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.51 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.6% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 96.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.8% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งในแง่เปอร์เซ็นต์ ทะยานขึ้นแดนบวกมากที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่มีนาคม 65 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลสถานะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอยมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากรองประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา นางราเอล เบรนนาร์ด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยตึงตัว แต่ผลกระทบที่รุนแรงของดอกเบี้ยดังกล่าวที่อยู่ในระดับสูงอาจไม่กินเวลานานอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาชิคาโก นายชาร์ลส อีแวน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขึ้นไปสูงถึงระดับ 4.5% ภายในเดือนมีนาคม 2566 และทรงตัวในระดับสูงต่อไป ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นสูงครั้งใหม่

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,675.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -45.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.00% ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐย้อนกลับแข็งค่าขึ้น จากยอดการจ้างงานในภาคเอกชนสูงกว่าที่ประเมินไว้ รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งสูงขึ้นในรอบ 1 สัปดาห์กว่า หรือนับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา พบว่า มีสูงถึง 92% ที่ดอกเบี้ยดังกล่าวจะปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้

ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะ 2 ปี และ 10 ปี ย้อนกลับสูงขึ้นหลังจากลงไปต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ประกอบกับในช่วงปลายสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำมีราคาพุ่งสูงมากเกือบ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วง 2 วันติดต่อกัน