ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเหนือกว่า 82 ดอลลาร์

206
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเหนือกว่า 82 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,966 จุด -142 จุด หรือ -0.42% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,995 จุด -24 จุด หรือ -0.61% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,170 จุด -85 จุด หรือ -0.76%

สาเหตุจากถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.5% ในคืนผ่านมาตามคาดไว้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% ในขณะที่ เฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยังคงต้องดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปอีกมากเพื่อแก้ไขภาวะเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่ที่ระดับ 2% ตามเป้าหมาย ดังนั้น เฟดจะใช้เครื่องมือต่างๆ ในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ สิ่งสำคัญ คือ เฟดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสุดท้ายอยู่สูงกว่าระดับ 5.1%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.7% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 82.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.4% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากกลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้น้ำมันดิบในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ตัวเลขการบริโภคน้ำมันดิบขึ้นเป็น 101.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งได้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในปีหน้า สอดคล้องกับสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ปริมาณการบริโภคน้ำมันดิบในจีนปีนี้ลดลงวันละ 400,000 บาร์เรล แต่จะฟื้นตัวในปี 2023 ทำให้ปรับเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึงวันละ 1.7 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ตัวเลขการบริโภคน้ำมันดิบขึ้นเป็น 101.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ ท่อส่งน้ำมันดิบมีชื่อว่าคีย์สโตนจากแคนาดามาสหรัฐอเมริกา ต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานกว่าคาดไว้ หลังจากพบการรั่วไหลของน้ำมันดิบเป็นจำนวนถึง 14,000 บาร์เรลในสัปดาห์ผ่านไป ทำสถิติน้ำมันดิบรั่วไหลมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ส่งผลกระทบต่อปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง โอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกา

รัสเซียขู่ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อตอบโต้กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่มจี 7 ประกาศการประกาศใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบที่ขนส่งทางทะเลจากประเทศรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,818.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -6.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -0.4% ขณะที่เมื่อวานนี้ ทำสถิติราคาทองคำปิดสูงสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนผ่านมา ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะกลางอายุ 10 ปี พลิกแข็งค่าและเพิ่มขึ้นตามลำดับ หลังจากเมื่อวานนี้โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน ซึ่งเป็นผลจากการประชุมของเฟดประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นตามที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.5% อย่างไรก็ตามเฟดกลับชี้เป้าหมายการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงต่อเนื่องในปี 2023