ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลง 40 จุด หยุดสถิติปิดขึ้น 7 วันติดต่อกัน รอฟังประธานเฟดคืนวันนี้

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,112 จุด -40 จุด หรือ -0.12% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,382 จุด +4 จุด หรือ +0.10% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,650 จุด +10 จุด หรือ +0.08% ส่งผลให้หยุดสถิติดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้น 7 วันต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 3 เดือนกว่า หรือตั้งแต่เดือนกรกฏาคมขณะที่ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดขึ้น 8 วันต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 2 ปี หรือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2021 และดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดขึ้น 9 วันต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 2 ปี หรือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2021 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติปิดดีที่สุดในรอบ 4 เดือน(ตั้งแต่มิถุนายน), 8 เดือน(ตั้งแต่กุมภาพันธ์) และ 3 เดือน(ตั้งแต่กรกฎาคม) ตามลำดับ

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +5.07%, +5.85% และ +6.61% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 1 เดือน (ตั้งแต่ตุลาคม 2022), 1 ปี (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2022) และ 1 ปี (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2022) ตามลำดับ

ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดพุ่งขึ้น +3.2%, +4.5% และ +6.2% ตามลำดับ

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ลดค่ำลงมาแตะที่ระดับ 4.573% สอดรับกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงเล็กน้อย สะท้อนถึงแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคม ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดด้วยความคึกคักตลอดทั้งคืนผ่านมา

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 95% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 80%