ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พลิกปิดขึ้นเกือบ 80 จุด

329
0
Share:

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,803 จุด +76 จุด หรือ +0.23% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,145 จุด -6 จุด หรือ -0.16% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,657 จุด -63 จุด หรือ -0.50% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดแตกต่างกัน -0.1%, +0.4% และ +2.2% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มกังวลครั้งใหม่กับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมที่สูงมากกว่าที่คาดไว้มาก โดยจ้างงานพุ่งสูงถึง 528,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดหมายไว้มากที่ 258,000 คน ขณะที่ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% ซึ่งลดต่ำลงอีก และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.6% ที่สำคัญ อัตราว่างงานดังกล่าวในเดือนกรกฎาคมที่ลดลงแตะ 3.5% กลับไปอยู่ในระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ยังเป็นสถิติว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 62 ปี หรือนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 1960 ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นไม่แรงกว่าที่ผ่านมา การประชุมรอบต่อไปจะมีขึ้นวันที่ 20-21 กันยายนนี้

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 89.01 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.47 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.53% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีราคาทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 94.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.85% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีราคาทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ลดลง -8% และ -11% ตามลำดับ ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา

สำหรับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งรายเดือนร่วงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่สำนักงานรอยเตอร์ส ปรับลดราคาน้ำมันดิบคาดการณ์เฉลี่ยทั้ง 2 แห่งในปี 2022 ลงมาอยู่ที่ 101.28 และ 105.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 3 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา

สาเหตุจากยอดการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนกรกฎาคมพุ่งสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลข 528,000 คน สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังไม่ถดถอยในโลกแท้จริง ทำให้แนวโน้มการบริโภคน้ำมันดิบยังคงมีต่อเนื่อง

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,791.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -19.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.87% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้ทำสถิติราคาทองคำสูงสุดในรอบ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานแข็งค่าขึ้นถึง 1.1% ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นในคืนผ่านมาพลิกสูงขึ้นทันที เป็นผลจากจากจ้างงานพุ่งสูงถึง 528,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดหมายไว้มากที่ 258,000 คน ขณะที่ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% ซึ่งลดต่ำลงอีก และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.6% นอกจากนี้อัตราค่าจ้างในเดือนกรกฎาคม พบว่าอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนมิถุนายนอีก 0.5% และพุ่งขึ้นถึง 5.2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับภาวะแรงงานในเดือนกรกฎาคมนั้น กำลังสร้างแรงกดดันในการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐอเมริกาอย่างแรงกว่าที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าอาจไม่ปรับขึ้นแรงกว่าทุกครั้งผ่านมา