ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งทะยานเฉียด 200 จุด

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 83.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% โดยเมื่อวานนี้ในช่วงระหว่างวันนั้น มีราคาสูงสุดขึ้นแตะ 83.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี หรือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 85.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.2% โดยเมื่อวานนี้ในช่วงระหว่างวันนั้น มีราคาสูงสุดขึ้นแตะ 86.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 และนับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมาถึงเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ทะยานขึ้น 22% และ 19% ตามลำดับ

.

สาเหตุจากสภาวะอุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้อากาศหนาวเย็นจัดเกิดขึ้นที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เกิดแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันดิบมากขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก ปัจจัยราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจนมีราคาสูงเป็นประวัติการณ์ ยังคงทำให้เกิดการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดิบเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานไฟฟ้าแทนถ่านหินและก๊าซธรรมชาตินอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ รายงานว่าราคาก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพงต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันดิบไปผลิตก๊าซธรรมชาติแทน ส่งผลมีแนวโน้มใช้น้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นวันละ 500,000 บาร์เรล นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัส เนื่องจากมติล่าสุดที่ตรึงกำลังผลิตไว้ที่เดือนละ 400,000 บาร์เรลนั้น ถือว่าเหมะสมและป้องกันราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนในระยะยาว

.

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,770.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +4.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3% สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มอ่อนค่าลง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น 10 ปีกลับมาลดลงในคืนที่ผ่านมา