ดัชนีหุ้นดาวโจนส์สุดคึกคัก พุ่งกว่า 540 จุด น้ำมันดิบโลกหวนพุ่งเหรือ 75 ดอลลาร์

182
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ สุดคึกคัก พุ่งกว่า 540 จุด น้ำมันดิบโลกหวนพุ่งเหรือ 75 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,674 จุด +546 จุด หรือ +1.65% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,136 จุด +75 จุด หรือ +1.85% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,235 จุด +269 จุด หรือ +2.25% อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -1.24%, -0.8% และ -0.07% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในสัปดาห์นี้ ทำสถิติสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ หรือตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ระดับภูมิภาคแทบทุกแห่ง หลังจากถูกเทขายอย่างหนาตาสะสมตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากเกิดความกังวล และไม่มีความมั่นใจอย่างมากกับสถานการณ์ธนาคารระดับภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะธนาคารแพคเวสท์ในสหรัฐอเมริกาที่กำลังเกิดปัญหาตามมา หลังจากธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ ล่มสลายเป็นธนาคารแห่งที่ 3 ใน 2 เดือนผ่านมาของสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ผลประกอบด้วยของบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ในไตรมาสที่ 1 ที่เข้าเป้าหมาย ถึงแม้ว่าตัวเลขรายได้ในภาพรวมจะลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดกันก็ตาม ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีรอบใหม่ส่งท้ายยสัปดาห์นี้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่สุดในคืนผ่านมา คือยอดการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนเมษายน พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 253,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 180,000 คน ส่งผลให้ใน 6 เดือนผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 290,000 คน

สอดคล้องกับอัตราการว่างงานในเมษายนกลับลดต่ำลงที่ระดับ 3.4% กลับมาทำสถิติอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดในรอบ 53 ปี หรือตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ขณะที่ อัตราเฉลี่ยค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงเดือนเมษายน พบว่า เพิ่มขึ้นจาก 0.5% หากเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว พบว่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 4.4%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเฝ้าจับตามองสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.1% ราคาปิดในคืนผ่านมา ส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก ร่วง 4 วันทำการ(ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 เมษายน วันจันทร์ที่ 1-3 พฤษภาคม) ติดต่อกัน 8.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก มีราคาดำดิ่งต่ำสุดระหว่างวันในคืนวันที่ 3 พ.ค. ที่ระดับ 63.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาปิดในคืนวันที่ 4 ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ยังทำสถิติราคาน้ำมันดิบดำดิ่งในแง่เปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 17 สัปดาห์ หรือตั้งแต่มกราคมปีนี้

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.9% ราคาปิดในคืนผ่านมา หยุดสถิติราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ร่วง 3 วันทำการ(ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 เมษายน วันจันทร์ที่ 1 และวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม) ติดต่อกัน 7.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ดำดิ่งต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 71.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ราคาปิดในคืนวันที่ 4 พ.ค.ทำสถิติใกล้เคียงราคาปิดต่ำสุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2021 เป็นต้นมา ขณะที่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงยังทำสถิติราคาปิดต่ำสุด 5 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่ 24 มีนาคมผ่านมา แต่ยังเป็นสถิติราคาน้ำมันดิบดำดิ่งในแง่เปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 17 สัปดาห์ หรือตั้งแต่มกราคมปีนี้

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ และเบร็นท์ ปิดลดลง -7.1% และ -5.3% ตามลำดับ ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ตกต่ำเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน 1 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมามีความหวังกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หลังจาก กระทรวงแรงงาน สหรัฐอเมริกา ประกาศยอดการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนเมษายน พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 253,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 180,000 คน ส่งผลให้ใน 6 เดือนผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 290,000 คน สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีความแข็งแกร่ง ซึ่งอาจเลี่ยงภาวะถดถอยที่กำลังเป็นกังวลกันได้ ถึงแม้ว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงแสดงถึงภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง หลังจากตัวเลขการเปิดรับสมัครงานตำแหน่งใหม่เดือนมีนาคมผ่านมาตกต่ำเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และตัวเลขการปลดพนักงานพุ่งสูงในรอบกว่า 2 ปี

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์วงการน้ำมันดิบโลกประเมินว่า การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในเดือนมิถุนายนนี้ อาจมีแนวโน้มที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีก

นักลงทุนเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,045.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ร่วงลงมากถึง -30.46 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.7% ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.ผ่านมา ราคาทองคำดังกล่าวทำสถิติราคาปิดสูงสุดตั้งแต่ 14 เมษายน หรือในรอบ 3 สัปดาห์ผ่านมา ที่สำคัญ มีราคาทองคำส่งมอบทันทีในคืนวันที่ 4 พ.ค. พุ่งขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 2,072.19 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเฉียดราคาทองคำสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,024.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ -30.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -1.5% ราคาทองคำล่วงหน้าที่ตกต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ในคืนผ่านมา ส่งผลให้หยุดสถิติราคาทองคำล่วงหน้าพุ่งขึ้นรวม 4 วันทำการติดต่อกัน โดยมีราคาทองคำล่วงหน้าพุ่งทะยานรวมกันถึง 88.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น +1.3% ถึงแม้ว่าราคาทองคำจะตกต่ำอย่างหนาตาในคืนผ่านมา

สาเหตุจากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเมษายนของสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นเกินความคาดหมายอย่างมาก อัตราการว่างงานกลับลงต่ำสุดในรอบ 53 ปี ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้น รับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี พลิกกลับเพิ่มขึ้นจากที่เคยลดลงในระดับต่ำสุดในรอบเดือน นอกจากนี้ นักลงทุนตลาดทองคำมองว่า โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นนั้นอาจเป็นไปได้ยากขึ้นจากตัวเลขการจ้างงานและอัตราว่างงานที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังแข็งแกร่ง