ดาวโจนส์ปิดกระชากกว่า 650 จุด น้ำมันดิบปิดร่วงลงเหวเหลือกว่า 111 ดอลลาร์

364
0
Share:

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,286 จุด +653 จุด หรือ +2.00% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,277 จุด +107 จุด หรือ +2.57% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 13,255 จุด +460 จุด หรือ +3.59% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติพุ่งขึ้นดีที่สุดในรอบ 1 ปี 9 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2020 ส่วนดัชนีหุ้นนาสแดคสถิติพุ่งขึ้นดีที่สุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2020

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรพลังงานที่มีต่อรัสเซียว่าอาจส่งผลกระทบในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนหวนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ไอที ค้าปลีก สินค้าบริโภค สายการบิน สายการเดินเรือ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบถูกเทขายอย่างหนักหลังจากมีราคาพุ่งสูงในรอบ 13 ปีกว่ามาหลายวัน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ดิ่งหนักกว่า 15 ดอลลาร์ นับเป็นวันที่ราคาน้ำมันดิบเลวร้ายที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 108.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -15.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -12% ทำสถิติราคาปิดตกต่ำและเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 111.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -16.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -13.00% ทำสถิติราคาปิดตกต่ำมากที่สุดใน 1 วันทำการในรอบ 1 ปี 11 เดือน หรือนับตั้งแต่เมษายน ปี 2020 ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน ประกาศมาตรการคว่ำบาตรพลังงานกับรัสเซีย ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน อิรักเปิดเผยว่าพร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบหากกลุ่มโอเปกพลัสร้องขอมา เช่นเดียวกันกับประเทศสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ประเทศยูเออีพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเข้าสนับสนุนตลาดโลก

นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA เปิดเผยว่า เตรียมที่จะให้สมาชิกเพิ่มการปล่อยน้ำดิบเพิ่มเติมเข้าสู่ตลาดโลกหลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านไป IEA กล่าวว่า ได้ให้ประเทศสมาชิกปล่อยน้ำมันดิบปริมาณ 60 ล้านบาร์เรลเข้าสู่ตลาดโลกแล้ว
ทั้งนี้ เฉพาะในเดือนมีนาคม ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ มีราคาพุ่งทะยาน 15% จากผลกระทบของวิกฤตสงครามรัสเซีย และมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของนานาชาติที่มีต่อรัสเซีย

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,988.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -69.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.7% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน สอดคล้องกับราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot พุ่งทะยานขึ้นปิดที่ 2,051 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -67.04 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.3% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากนักลงทุนเทขายทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ทุกประเภท เช่น นิเกิล ไททาเนียม พับลาเดียม ทองแดง และทองคำ หลังจากทั้งหมดมีราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และทำสถิติในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนโยกเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอย่างรวดเร็วเพื่อชดเชยราคาที่ตกต่ำอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดแข็งค่า รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงต่ำกว่า 2%