ดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 30 จุด น้ำมันดิบปิดทะยานเหนือ 84 ดอลลาร์
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 36,290 จุด +38 จุด หรือ +0.11% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,726 จุด +13 จุด หรือ +0.28% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 15,188 จุด +34 จุด หรือ +0.23%
สาเหตุจากแม้นักลงทุนจะมีความกังวลมากขึ้นกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 64 พุ่งทะยานถึง 7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว และยังเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนปี 64 กลายเป็นสถิติเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี แต่แนวโน้มเงินเฟ้อมากเป็นประวัติการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่นักลงทุนติดตามมาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกำลังรอฤดูกาลแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 64 ของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 82.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 84.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
สาเหตุจากปริมาณน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงตึงตัวแม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปก็ตาม นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าผลกระทบจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจะเป็นช่วงระยะสั้น ความกังวลในภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,827.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +8.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.5% สาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ลดต่ำลงเหลือต่ำกว่า 1.7% ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง
