ดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 360 จุด น้ำมันดิบปิดเหนือกว่า 108 ดอลลาร์
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,792 จุด -368 จุด หรือ -1.05% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,393 จุด -65 จุด หรือ -1.48% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 13,174 จุด -278 จุด หรือ -2.07%
.
สาเหตุจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา นายเจอร์โรม พาวเวลล์ กล่าวในการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอาจมีถึง 0.5% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้ สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในระดับสูงมาก ท่ามกลางท่ามกลางผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ที่ทยอยประกาศออกมายังคงเป็นไปตามเป้าหมาย
.
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 103.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.57% ก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
.
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 108.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
.
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล ความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบของรัสเซียและลิเบียที่จะมีน้อยลงในตลาดโลก ก่อนหน้านี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบราววันละ 3 ล้านบาร์เรลจากรัสเซียจะเริ่มหายจากตลาดโลกในเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกในปีนี้ลงเกือบ 1% รับผลพวงสงครามรัสเซียกับยูเครน กดดันความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกลดลง ท่ามกลางกลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยกำลังการผลิตในเดือนมีนาคมลดลงเหลือเพียง 1.45 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,948.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -8.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.4% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน
.
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่ธันวาคม ปี 2019 เป็นต้นมา หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาเซนต์หลุยส์ มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอาจเพิ่มมากขึ้นถึง 0.75% รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นครั้งใหม่
