ดาวโจนส์ปิดดิ่งเหวเฉียด 800 จุด น้ำมันดิบปิดกระฉูดผ่าน 123 ดอลล์

333
0
Share:
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,817 จุด -797 จุด หรือ -2.37% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,201 จุด -127 จุด หรือ -2.95% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 12,830 จุด -482 จุด หรือ -3.62% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นตกต่ำใน 1 วันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน
.
ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ร่วงลง -1.3%, -1.3% และ -2.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติเป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่ร่วงติดต่อกัน
.
สาเหตุจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์วิกฤตระหว่างรัสเซียและยูเครนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบกับรัสเซีย ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 13 ปีถึงกว่า 130 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำมันดิบโลกมีราคาแพง ส่งผลต่อแรงกดดันขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ
.
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 119.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +3.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +3.2% ทำสถิติราคาปิดสูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในสัปดาห์นี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ มีราคาระหว่างการซื้อขายพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 119.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 หรือในรอบ 14 ปี
.
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 123.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +5.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.3% ทำสถิติราคาปิดสูงสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2013 หรือในรอบ 9 ปี และในสัปดาห์นี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาระหว่างการซื้อขาย พุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน
.
สาเหตุจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์วิกฤตรุนแรงระหว่างรัสเซียกับยูเครนต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย นักลงทุนจับตามองการประชุมแบงก์ชาติสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ ที่จะมีการประบขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรก ซึ่งส่งผลค่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 2,001.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +34.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.77% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน
.
สาเหตุจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของทั้งรัสเซียและยูเครน โดยมองว่ามาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกมีความรุนแรงมากขึ้นกับระบบการเงินระหว่างประเทศกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดแข็งค่าต่อเนื่อง และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ลดต่ำลงกว่า 2%