ดาวโจนส์ปิดทะยานกว่า 330 จุด น้ำมันดิบปิดลงเหลือกว่า 110 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 35,294 จุด +338 จุด หรือ +0.97% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,631 จุด +56 จุด หรือ +1.23% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 14,619 จุด +264 จุด หรือ +1.84%

.

สาเหตุจากสัญญาณจากกองทัพรัสเซียที่จะลดปฏิบัติการทางทหารใกล้กับกรุงเคียฟ แบะเมืองสำคัญทางภาคเหนือของยูเครน นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีความคึกคักตลอดทั้งวัน หลังบริษัทเทสล่าเปิดเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแตกหุ้นให้มีจำนวนมากขึ้น

.

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 104.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -1.62% ก่อนหน้านี้ เมื่อกว่า 2 สัปดาห์ผ่านมา มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

.

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 110.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2% ก่อนหน้านี้ เมื่อกว่า 2 สัปดาห์ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

.

สาเหตุจากนักลงทุนรอประเมินความชัดเจนของการส่งสัญญาณลดปฏิบัติการทางทหารบริเวณใกล้เคียง 2 เมืองใหญ่ในยูเครนของกองทัพรัสเซีย ท่ามกลางรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศมาตรการล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลารวม 10 วัน มีผลเมื่อวานนี้ สร้างความกังวลต่อการใช้น้ำมันดิบลดลงอย่างมาก เหตุจากในปี 2564 ที่ผ่านไป จีนเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก มีการใช้น้ำมันดิบถึงวันละ 15 ล้านบาร์เรล และนำเข้าน้ำมันดิบวันละ 10.3 ล้านบาร์เรล

.

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,910.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -29.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.5% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

.

สาเหตุจากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่แม้ไม่มีข้อยุติ แต่กองทัพรัสเซียเปิดเผยว่าพร้อมลดปฏิบัติการทางทหารใกล้เมืองหลวงยูเครน