ดาวโจนส์ปิดร่วงระนาวกว่า 300 จุด น้ำมันดิบทำกำไรยังเหนือ 88 ดอลลาร์

332
0
Share:
หุ้น

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 34,715 จุด -313 จุด หรือ -0.89% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,482 จุด -50 จุด หรือ -1.10% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,154 จุด -186 จุด หรือ -1.30% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะดัชนีปรับฐานอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากดัชนีหุ้นนาสแดคดิ่งลง 10% จากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงอยู่ที่ระดับ 1.87% ซึ่งใกล้เคียงสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหุ้นทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคมเป็นต้นไป นอกจากนี้ ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นขึ้นกับกลุ่มสถาบันการเงิน ปรากฎว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่ย่ำแย่ลง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนาตา ตามด้วยกลุ่มสายการบินที่มีราคาหุ้นตกต่ำ ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 86.90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 88.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ 19 ที่ผ่านมา ในช่วงระหว่างวันนั้น ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ พุ่งสูงสุดที่ 89.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดวันที่ 13 ตุลาคม 2014 เมื่อปิดตลาด พบว่าราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งปิดทำสถิติที่สูงสุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 เป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนขายทำกำไรระยะสั้นครั้งใหม่ เมื่อราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปีตั้งแต่กลางสัปดาห์นี้เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่หนุนส่งราคาน้ำมันดิบยังคงเป็นสถานการณ์รุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลาง และยุโรปฝั่งตะวันออก โดยท่อส่งน้ำมันดิบจากประเทศอิรักไปยังประเทศตุรกีเกิดระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งออกจากอิรัก ซึ่งยังไม่สามารถระบุปริมาณที่ได้รับผลกระทบได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ กลุ่มนักรบฮูติในประเทศเยเมน เปิดเผยว่า ได้ใช้ปฏิบัติการอากาษยานไร้คนขับ หรือโดรน เข้าโจมตีประเทศสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ หรือยูเออี ซึ่งประเทศยูเออีเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก การโจมตีดังกล่าวทำให้เกิดเพลิงไหม้บริเวณรอบนอกของกรุงอาบู ดาบี พบผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 3 ราย

ด้านปัจจัยพื้นฐานการผลิตน้ำมันดิบ พบว่าตลาดน้ำมันดิบตึงตัวจากกำลังการผลิต แม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปก็ตาม และสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในยูเครนกับรัสเซียที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า รัสเซียเตรียมใช้กำลังทหารเข้าโจมตีประเทศยูเครนภายใน 30 วันข้างหน้านึ้ หากการเจรจาทางการทูตล้มเหลว โดยความตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศสะสมมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,842.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +25.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงสูงขึ้นใกล้เคียงสถิติใหม่ในรอบ 2 ปีผ่านมา ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าขึ้น รับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดในวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปีนี้