ดาวโจนส์ร่วงระนาวกว่า 700 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเหนือ 119 ดอลลาร์

301
0
Share:

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 29,927 จุด -741 จุด หรือ -2.22% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,666 จุด -123 จุด หรือ -3.25% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,646 จุด -453 จุด หรือ -4.08% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดำดิ่งหลุดระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรก และปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 หรือในรอบ 1 ปี 4 เดือนผ่านมา สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคปิดทรุดหนักหลุดระดับ 11,000 จุดเป็นครั้งแรก

ในสัปดาห์นี้ถึงเมื่อวันพฤหัสบดี ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ร่วงลงอย่างรุนแรงถึง -4.7%, -6.0% และ -6.1% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ดำดิ่งรุนแรงถึง -21.7%, -27% และ -39.1% จากสถิติดัชนีหุ้นสูงสุดของแต่ละดัชนีเมื่อเดือนมกราคม 2565 สำหรับดาวโจนส์ และเดือนพฤศจิกายนปี 2564 สำหรับเอสแอนด์พี 500 และนาสแดค ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในที่สุดเข้าสู่ภาวะหมี หรือ Bear Market ตามหลังดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market สมบูรณ์แบบ และยังทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบ 1 ปี 2 เดือน หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ปี 2564 รวมถึงดัชนีหุ้นนาสแดคด้วย

สาเหตุจากนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 0.75% ทำสถิติปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวมากที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา ที่สำคัญ ยังส่งสัญญาณที่อาจปรับขึ้นมากถึง 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคม ซึ่งยิ่งส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยชัดเจนขึ้น

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 117.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.00% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 119.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.10% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่กับประเทศอิหร่าน ด้านกำลังการผลิตน้ำมันดิบประเทศลิเบียลดลงวันละ 150,000 บาร์เรล หรือราว 12% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดของลิเบีย สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA ประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่วันละ 101.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัคราดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 0.75% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 28 ปี เนื่องจากจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวถึงขั้นภาวะถดถอย นอกจากนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกายังพุ่งขึ้นทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 20 ปี หรือตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,849.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +30.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.7% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจาก ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปรับลดลงอย่างรวดเร็ว หลังพุ่งขึ้นทำสถิติในรอบ 20 ปีเมื่อก่อนการประชุมแบงก์ชาติสหรัฐ สอดรับกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเช่นกัน หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 0.75% ในวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านไป นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 3% ต้นๆ