ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกคึกคัก มีโตกว่า 4 เท่า ในอีก 6 ปีหน้า

อลิกซ์พาร์ทเนอร์ บริษัทวิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เปิดเผยรายงานมุมมองยานยนต์โลก พบว่า ภายในปี 2028 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถยนต์อีวี จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 33% จากยอดในปี 2564 ที่มีสัดส่วนเพียง 8% และเมื่อมาถึงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ยังคงมีสัดส่วนยอดขายทั่วโลกใกล้ระดับ 10% นั่นหมายถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะขายตัวมากกว่า 4 เท่าในช่วง 8 ปีจากนี้ไป นอกจากนี้ ภายในปี 2035 หรือปี 2578 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 54%

ด้านค่ายผลิตรถยนต์ และซัพพลายเออร์รับช่วงการผลิตในอุตสาหกรรมยายนต์ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มการลงทุนด้านผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า อย่างน้อย 526,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 19 ล้านล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2022 ถึงปี 2026 ทำให้มูลค่าคาดการณ์การลงทุนดังกล่าวพุ่งทะยานสูงกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับแผนการลงทุนระยะเวลา 5 ปี ของยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงระหว่างปี 2020 ถึงปี 2024 ที่มีมูลค่า 234,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8.4 ล้านล้านบาท

แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์โลกทั้งค่ายผลิตยานยนต์ และซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ จะมีค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนในการเปลี่ยนผ่านการผลิตเครื่องยนต์สันดาปดั้งเดิม หรือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ไปเป็นระบบไฟฟ้าทั้ง 100% คิดเป็นมูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.52 ล้านล้านบาทภายในปี 2030 หรือในอีก 8 ปีจากนี้ไป

ด้านราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จะมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สับดาป หรือใช้น้ำมัน จากข้อมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 พบว่า โดยเพิ่มจากเฉลี่ยคันละ 3,662 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 131,822 บาท มาเป็น 8,255 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 297,180 บาท

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเผชิญปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญในการผลิต ได้แก่ ไมโครชิป ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัญหาไปถึงปี 2567 ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2565 จะลดเหลือ 79 ล้านคัน ก่อนที่จะฟื้นกลับขึ้นไปมากถึง 95 ล้านคันในปี 2567