ช่วยกันแถลง! ตลาดหุ้นประสานก.ล.ต.เสียงดัง ชี้เป้ากลุ่มคนในไทยชอร์ตเซลหุ้นแรงกว่า

200
0
Share:
ช่วยกันแถลง! ตลาดหุ้น ประสานก.ล.ต.เสียงดัง ชี้เป้ากลุ่มคนในไทยชอร์ตเซลหุ้นแรงกว่า

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยนางพรอนงค์ บุษราตระกูล และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นำโดยนายภากร ปีตธวัชชัย เปิดการแถลงร่วมเพื่อสร้างและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากสภาพตลาดหุ้นไทยตกต่ำอย่างหนัก และผันผวนอย่างรุนแรง ส่งผลต่อดัชนีหุ้นไทยดำดิ่งหลุดระดับ 1,400 จุด ที่สำคัญ ยักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอย่างรุนแรงต่อเนื่อง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวแถลงว่า ข้อมูลปริมาณชอร์ตเซลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณเท่าเดิม แต่เนื่องจากวอลุ่มลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้เปอร์เซ็นจึงสูงขึ้นมาในระดับ 5.6% จากปีก่อนที่ 5.4% และโปรแกรมเทรดดิ้งก็เช่นกัน โดยสาเหตุที่หุ้นไทยยังปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะอะไรนั้น มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในแง่ของการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากมีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานในด้านต่างๆ ทุกระดับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศ หากต่างชาติมองว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ก็จะสะท้อนความต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศ บรรยากาศก็จะปรับดีขึ้นได้

นักลงทุนต่างชาติทำการชอร์ตเซล หรือโปรแกรมเทรดดิ้งในการเข้าซื้อหุ้นไทย ทำให้ดัชนีปรับลดลงหนัก และมากกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคนั้น ต้องยอมรับว่าดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมากกว่าภูมิภาคจริง แต่อยากให้มั่นใจและเชื่อใจว่าตลาดหุ้นไทยมีการติดตามข้อมูลทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอและละเอียดมาก จึงยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติ ทำให้การชอร์ตเซลจากต่างชาติจนกระทบหุ้นไทยร่วงหนัก ไม่ได้มีผลมาจากปัจจัยนั้นจริงๆ

ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่มีเหตุผลจะใช้มาตรการห้ามขายชอร์ตเซลเหมือนกับตลาดหุ้นเกาหลีใต้ โดยมองว่าการจะปรับกลไก (mechanism) เรื่องการชอร์ตเซล หรือโปรแกรมเทรดดิ้ง รวมทั้งการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นด้วยความถี่สูง (High Frequency Trading: HFT) ต้องพบความปกติจากการติดตามข้อมูลซื้อขาย แต่ที่ผ่านมายังไม่พบความผิดปกติใดเกิดขึ้น ซึ่งการปรับเปลี่ยนแก้ไขมาตรการใดจะใช้ความเชื่อไม่ได้ด้วย ต้องเป็นการอ้างอิงข้อมูลชัดเจนเป็นหลัก

ปัจจุบันการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ นิยมใช้โปรแกรมซื้อขายเป็นหลัก ทำให้เป็นรูปแบบการส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความถี่สูง หรือ High Freqeuncy Trading จากข้อมูลมีสัดส่วนเพียง 10% ของวอลุ่มการซื้อขาย รวมถึงบางกลุ่มก็ไม่ได้ใช้ความเร็วราว 24% และที่เหลือไม่ได้ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ แต่ใช้ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์หรือราว 16% จึงไม่อยากให้มองว่านักลงทุนต่างชาติใช้โปรแกรมเทรดอัตโนมัติด้วยความเร็วทำให้ตลาดหุ้นตก ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเพียงโปรแกรมเท่านั้นที่ขายหุ้นไทย แต่ขายกันทั้งหมดด้วย จึงไม่อยากให้ไปหาแม่มดกัน เพราะไม่มีแม่มดเกิดขึ้น

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การห้ามชอร์ตเซลคงไม่สามารถทำได้ แต่สามารถติดตามข้อมูลการทำการขายชอร์ตเซลแทน ซึ่งปริมาณการชอร์ตเชลหุ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีสัดส่วนเพียง 5.6% มูลค่าซื้อขายทั้งหมด ซึ่งจากการติดตามของ ก.ล.ต.เกี่ยวกับการทำช็อตเซลและโรบอทเทรดว่าเกิดการกระทำที่ไม่เป็นธรรมหรือซ้ำเติมภาวะตลาดทำให้ Sentiment ของตลาดหุ้นเสียไปหรือไม่ พบว่าเมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงวันนี้ จะพบว่ามีสัดส่วนอยู่ 5.6% ใกล้เคียงกับปีก่อน

ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศส่วนใหญ่ หรือกลุ่มกลางที่เปิดให้ทำช็อตเซลแบบมีเงื่อนไข คือมีเกณฑ์ให้ทำในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายล่าสุด และห้ามการทำ Naked ช็อตเซล ไม่ว่าจะโปรแกรมเทรดดิ้งหรือซื้อขายปกตื ต้องมีหุ้นก่อน หรือยืมหุ้นมาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดส่งมอบ ด้วยกลไกที่มีอยู่ทำให้เราต้องมั่นใจว่าสามารถห้ามได้และเอาผิดได้ Naked ช็อตเซลได้

อยากให้ความมั่นใจด้วยการไม่ได้พูดปากเปล่า แต่ให้ความมั่นใจด้วยข้อมูล เพราะเราไม่สามารถห้ามเม็ดเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ต่างๆ ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ฟันโฟลว์ที่ไม่เหมาะสมไหลเข้ามาในตลาดทุนไทย อยากให้รายย่อยมีความเข้าใจมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงวันพฤหัสบดี 9 พฤศจิกายน 2566 พบว่า ดัชนีหุ้นไทย SET Index ในรอบ 3 เดือนผ่านมา ตกต่ำ -7.02% ในรอบ 6 เดือนผ่านมา ทรุดแรก -9.63% และตั้งแต่ต้นปีนี้ ดำดิ่งหนัก -15.39% สอดรับกับดัชนีหุ้นไทย MAI Index ในรอบ 3 เดือนผ่านมา ทรุดหนัก -11.72% ในรอบ 6 เดือนผ่านมา ดำดิ่งแรง -19.62% และตั้งแต่ต้นปีนี้ ดิ่งลงเหวลึก -31.16%

ทั้งนี้ ข้อมูลการซื้อขายหุ้นไทยสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ถึงวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2566 พบว่า เฉพาะนักลงทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นไทยสุทธิตั้งแต่ต้นปีนี้ถึง -179,951 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ -7,044 ล้านบาท และเฉพาะเมื่อวันนี้ 9 พฤศจิกายน 2566 ขายสุทธิ -3,112 ล้านบาท