ตลาดหุ้นสหรัฐช้ำหนัก ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ควงนาสแดคปิดดิ่งหลุด 38,000 จุด และ 16,000 จุด

44
0
Share:
ตลาดหุ้นสหรัฐช้ำหนัก ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ควงนาสแดคปิดดิ่งหลุด 38,000 จุด และ 16,000 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,735 จุด -248 จุด หรือ -0.65% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,061 จุด -61 จุด หรือ -1.20% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,885 จุด -290 จุด หรือ -1.79% ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และนาสแดค ปิดหลุดระดับ 38,000 จุด และ 16,000 จุด นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นทั้ง 2 ปิดดำดิ่งกว่า -700 จุด และกว่า -500 จุด ใน 2 วันทำการติดต่อกันตามลำดับ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงถึง 6 วันทำการติดต่อกัน ส่งผลให้ผลตอบแทนของดัชนีหุ้นดาวโจนส์กลายเป็นศูนย์ตั้งแต่ต้นปีนี้ ด้านค่าดัชนีความผันผวนซีบีโออี หรือ Volatility Index ในการลงทุนพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน หรือตั้งแต่ตุลาคมปี 2023

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -2.37%, -1.56% และ -0.45% ตามลำดับ

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.6% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.2% หลังจากตัวเลขยอดขายปลีกเดือนมีนาคมในสหรัฐเพิ่มขึ้นเหนือคาดการณ์ สะท้อนความกังวลว่าการลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในปีนี้อาจล่าช้า และจำนวนครั้งในการลดดอกเบี้ยลดน้อยลงกว่าที่ประเมินกันไว้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดจำนวนครั้งการลดดอกเบี้ยจาก 3 เหลือ 2 ครั้ง และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกล่าช้าออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมคาดว่าจะลดในเดือนมิถุนายนไปเป็นเดือนกรกฎาคม

ผู้ว่าการเฟด สาขามินนาโพลิส นายนีล แคชคารี่ กล่าวว่าถ้าหากความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อที่ทยอยลดลงนั้น กลับไม่มีสัญญาณที่ดีอย่างที่คิดไว้ การลดดอกเบี้ยระยะสั้นอาจจะไม่จำเป็นในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งขยายตัวได้ท่ามกลางดอกเบี้ยในระดับสูง ขณะที่ประธานเฟดยืนยันต้องมีข้อมูลที่เชื่อใจได้ว่าเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องจริง ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า อาจมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ท่ามกลางมุมมองในตลาดทุนที่ประเมินว่าจะลดถึง 3 ครั้ง ด้านสถานการณ์ตึงเครียดสูงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านยังคงกดดันนักลงทุนให้เทขายหุ้นหนาตาต่อเนื่อง

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 50% จากเดิมที่ระดับ 52%

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ