ตลาดหุ้นไทยปิดขึ้นไม่เยอะ บวก 0.92 จุด ได้แรงหนุนเบาๆ จากกลุ่มพลังงาน-แบงก์

234
0
Share:
ตลาด หุ้นไทย ปิดขึ้นไม่เยอะ บวก 0.92 จุด ได้แรงหนุนเบาๆ จากกลุ่มพลังงาน-แบงก์

ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 1,548.78 จุด ปรับขึ้น 0.92 จุด หรือ +0.06% มูลค่าซื้อขาย 53,967.86 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งไซด์เวย์แดนบวกและแดนลบ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,542.66 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,554.79 จุด

สำหรับ 3 อันดับหุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,717.39 ล้านบาท ปิดที่ 166.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,594.94 ล้านบาท ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3. BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,407.46 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

ตลาด SET50 ปิดที่ 948.79 จุด ปรับ +1.70 จุด หรือ+0.18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,403.04 ล้านบาท

ตลาด mai ปิดที่ 478.87 จุด ปรับ -1.89 จุด หรือ -0.39% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,218.10 ล้านบาท

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งบวกลบกระจัดกระจาย โดยกลุ่มที่หนุนดัชนีได้แก่กลุ่มพลังงาน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันแบบสมัครใจออกไปอีก 3 เดือน จากที่ตลาดคาดว่าจะขยายเวลาเพียง 1 เดือน รวมทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น รับนโยบายดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาลมีแนวโน้มให้บริการเร็วขึ้นภายในเดือน ก.พ. ปี 67

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากดดันดัชนี จากประเด็นนโยบายการลดค่าไฟของรัฐบาล รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย และกลุ่มไฟแนนซ์ก็ปรับลงแรง หลัง credit cost เร่งตัวรวมทั้งกังวลมาตรการพักชำระหนี้ของรัฐบาล ที่นอกจากจะช่วยกลุ่มเกษตรกรแล้วยังรวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบกับบริษัท

แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ นักลงทุนรอติดตามความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลซึ่งจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 11 ก.ย. พร้อมทั้งให้แนวต้าน 1,560 จุด และแนวรับ 1,540 จุด

ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ (ผอ.) ฝ่ายวิเคราะห์ และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ดัชนีฯได้แรงหนุนจากหุ้นพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น จากอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังซาอุฯและรัสเซียขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันจนถึงสิ้นปี 2566 และแรงทำกำไรในหุ้นบางกลุ่ม ทั้งนี้ให้จับตาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจากนโยบายการลดค่าไฟของรัฐบาล และหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์จากจะมีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) และอัตราเงินเฟ้อลดลง เพราะภาพรวมออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ประเมินว่า วันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) ดัชนีฯ มีแนวโน้มเเกว่งตัวเเบบไซด์เวย์ในกรอบ 1,540-1,560 จุด เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มการฟื้นตัวยังมีอยู่ และไม่มีปัจจัยใหม่กระตุ้น