ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดร่วงแรง 14.07 จุด รับตัวเลขเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ เกาะติดตั้งรัฐบาล

ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดอยู่ที่ 1,518.44 จุด ปรับร่วงลง 14.07 จุด หรือ -0.92% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41,008 ล้านบาท ทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,518.44 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,536.81 จุด

สำหรับ 3 หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. CPALL มูลค่า 2,228.62 ล้านบาท ราคาปิดที่ 59.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -1.67%
2. KBANK มูลค่า 2,224.01 ล้านบาท ราคาปิดที่ 123.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
3. PTTEP มูลค่า 1,773.66 ล้านบาท ราคาปิดที่ 161.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -1.23%

ตลาด SET50 ปิดที่ 942.11 จุด ปรับ -9.94 จุด หรือ -1.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27,725.38 ล้านบาท

ตลาด mai ปิดที่ 455.53 จุด ปรับ -4.17 จุด หรือ -0.91% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,707.88 ล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาเกิดจากปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง จะเห็นได้ว่าเริ่มมีม็อบเกิดขึ้นมา รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งวันนี้ 8 ส.ค. 66 จะเห็นได้ว่าลงไปทดสอบที่ประมาณ 35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ส่งผลให้ภาพของฟันด์โฟล์ยังเป็นลบอยู่

ส่วนพรุ่งนี้ (9 ส.ค. 66) หากแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นไซด์เวย์อัพ แนวรับอยู่ที่ประมาณ 1,515-1,520 จุด ถือว่า สำคัญมาก ไม่ควรที่จะหลุดแนวรับนี้ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ประมาณ 1,535 -1,540 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย หลังมีการประกาศตัวเลขการส่งออกของจีนชะลอตัวลงกว่าคาด รวมทั้งช่วงบ่ายตลาดพักตัวจากค่าเงินบาทอ่อน ทำให้เกิดแรงขายหุ้นขนาดใหญ่

ส่วนแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์อัพ นักลงทุนจับตาทิศทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลจะมีความคืบหน้าอย่างไรหลัง พรรคเพื่อไทยประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทยด้วยเสียงเริ่มต้น 212 เสียง โดยให้แนวต้าน 1,540-1,545 จุด และแนวรับ 1,515 จุด