ตะลึงไทยปลูกข้าวแพ้ลาว กัมพูชา เวียดนาม แถมรั้งบ้วยผลผลิตในอาเซียนและเอเชีย

202
0
Share:
ตะลึง ไทย ปลูก ข้าว แพ้ลาว กัมพูชา เวียดนาม แถมรั้งบ้วยผลผลิตในอาเซียนและเอเชีย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการเรื่องผลผลิตข้าวไทยต่อไร่สูญเสียต่ำลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศคู่แข่งอื่นๆ ในทวีปเอเชีย โดยประเทศไทยมีผลผลิตต่อไร่แทบรั้งท้ายเกือบทุกประเทศ โดยเฉพาะมีผลผลิตข้าวต่อไร่ตกต่ำแพ้แม้แต่ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ผู้เกี่ยวข้องกับในวงการข้าวไทยเปิดเผยว่ากรมการข้าวซึ่งทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย กลับไม่ค่อยมีพันธุ์ข้าวดีๆออกมาแนะนำให้เกษตรกรชาวนาได้นำไปปลูก

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเป็นนโยบายทางการคลัง เป็นความรับผิดชอบรัฐบาลที่จะดูแลความเป็นอยู่รายได้ทางเศรษฐกิจของพี่น้องชาวนา ส่วนความเห็นของแบงก์ชาติ เราน้อมรับฟัง แต่บทบาทหน้าที่แบ่งกันทำ แบงก์ชาติมีหน้าที่ดูแลด้านการเงิน ถ้าจะมีหนังสือท้วงติงหรือแสดงความเห็น เช่น ดอกเบี้ยคิดคืนจะเป็นเท่าไหร่ ระยะเวลาคืนเงินต้นควรจะเป็นเท่าไหร่ หลักประกันความเสี่ยงของการปล่อยสินเชื่อให้ชาวนาควรเป็นอย่างไร นั่นต่างหากเป็นบทบาทหน้าที่ของแบงก์ชาติ ฉะนั้นเรื่องอื่นที่นอกเหนือประเด็นทางการเงินขอให้หน่วยงานภาครัฐที่มีข้อมูลลึกซึ้งแม่นยำกว่าเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจน่าจะดีกว่า

โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติส่งเอกสารระบุเหตุผลไม่เห็นด้วยกับมาตรการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2566/67 ด้วยวงเงินงบประมาณ 56,321 ล้านบาทนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และข้าวเปลือกหอมมะลิ ในฤดูที่แล้วมีราคาไม่ดี รัฐบาลชุดที่แล้วใช้เงินอุดหนุนช่วยชาวนาผ่านมาตรการประกันรายได้เกษตรกรเกือบ 150,000 ล้านบาท ในจำนวนเงินนี้ มี 80,000 ล้านบาทใช้เพื่อประกันรายได้จากราคาข้าวเปลือก และมีการให้เงินสนับสนุนการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวเช่นเดียวกันกับรัฐบาลปัจจุบัน

สำหรับหนังสือแสดงความเห็นของแบงก์ชาติ ที่ระบุว่าโครงการนี้มีความจำเป็นน้อย เนื่องจากปี 2566 ราคาข้าวเปลือกอยู่ในเกณฑ์ดีนั้น พบว่าเงินที่ชาวนาได้ในการขายข้าวเปลือกปีนี้ถึงแม้ว่าจะได้เพิ่มสูงกว่าในปีผ่านมา แต่ในปีที่ผ่านไป ชาวนาได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการการประกันราคาด้วย ดังนั้น เงินที่ชาวนาได้ปีที่แล้วกับปีนี้จึงที่สน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กลับแย่กว่า เนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นมาเป็นช่วงข้าวเปลือกหอมมะลิกำลังจะออกสู่ตลาด ถึงแม้จะมีราคาพอๆ กับปีที่แล้ว แต่การรับซื้อจริงพบว่าข้าวของชาวนาจะมีความชื้น 25% ขายได้ตันละ 10,800 บาท ไม่เหมือนความชื้นที่เหลือ 15% ที่รับซื้อในราคาตันละ 14,000-15,000 บาท และในปีนี้เงินที่อุดหนุนคุณภาพข้าวเท่ากับปีที่แล้ว ในขณะที่ปีนี้ รัฐบาลไม่มีโครงการเงินประกันรายได้ชาวนาเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยสรุปเงินสุทธิที่รัฐบาลช่วยชาวนาในปีนี้จึงน้อยกว่าปีที่แล้วถึงกว่าครึ่งหนึ่ง เรื่องต้นทุนการผลิตของชาวนาที่แบงก์ชาติระบุว่า มีต้นทุนต่ำลง ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด สาเหตุจากราคาปุ๋ยที่ชาวนาใช้ ค่าพลังงานต่างๆ ต้นทุนกลับไม่ถูกลง แต่สูงขึ้นเล็กน้อย