ตะลุยเก็บหุ้น ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งเกือบ 350 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 83 ดอลลาร์

148
0
Share:
ตะลุยเก็บหุ้น ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดพุ่งเกือบ 350 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 83 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,220 จุด +345 จุด หรือ +1.05% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,849 จุด +66 จุด หรือ +1.75% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,478 จุด +264 จุด หรือ +2.59% ส่งผลให้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเหลือการซื้อขายอีกเพียง 1 วันในวันพรุ่งนี้จะจบปี 2022 พบว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้นเบาบาง และลดลง +0.05%, +0.12% และ -0.19% ตามลำดับ

สาเหตุจากตัวเลขชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์ถึงวันที่ 24 ธันวาคม เพิ่มขึ้นถึง 225,000 คน ซึ่งสูงกว่าเดือนที่ผ่านมา 9,000 คน และเพิ่มสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 223,000 คน ทำให้นักลงทุนประเมินว่าเป็นแรงกดดันของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2023

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกากำลังใกล้สิ้นสุดปีนี้ พบว่าจะเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจการเงินในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนติดลบจนทำให้ผลตอบแทนในช่วง 3 ปีติดกันก่อนหน้านี้เป็นศูนย์ โดยในปี 2022 จนถึงคืนผ่านมา 29 ธันวาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -8.58% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -19.24% และดัชนีหุ้นนาสแดค -33.03% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคอยู่ในภาวะหมี หรือ Bear Market

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคมจนถึงคืนผ่านมา 29 ธันวาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -3.97% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -5.65% และดัชนีหุ้นนาสแดค -8.73%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 78.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.7% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 82.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.2% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่รุนแรงและเป็นวงกว้างทั่วประเทศ จะส่งผลกดดันให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงต่อเนื่องในปี 2023 นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค กล่าวว่าประเทศรัสเซียอาจลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงระหว่าง 5% ถึง 7% ในช่วงต้นปี 2023 เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อมาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลของโลกตะวันตก การส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มสูงที่จะลดต่ำลงมากถึง 20% หลังจากถูกกลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มจี7 และออสเตรเลีย เริ่มใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียโดยมีผลตั้งแต่ 5 ธันวาคมเป็นต้นไป

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,826 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +13.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +0.6% ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำตลาดโลกปีนี้มีความเป็นไปไม่ได้สูงที่จะลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยเฉพาะมีราคาลดลงมากถึง -250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับอ่อนค่าลง และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปีกลับทรงตัว หลังจากตัวเลขชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์ถึงวันที่ 24 ธันวาคม เพิ่มขึ้นถึง 225,000 คน ซึ่งสูงกว่าเดือนที่ผ่านมา 9,000 คน และเพิ่มสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 223,000 คน ทำให้นักลงทุนประเมินว่าเป็นแรงกดดันของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2023