ถล่มขายหุ้น! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลงเหวกว่า 600 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงหลุด 85 ดอลลาร์

223
0
Share:
ถล่มขายหุ้น! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดลงเหวกว่า 600 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงหลุด 85 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,296 จุด -613 จุด หรือ -1.81% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,928 จุด -62 จุด หรือ -1.56% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,957 จุด -138 จุด หรือ -1.24% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งใน 2 วันติดต่อกันถึง -1,007 จุด ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงปิดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2022

สาเหตุจากนักลงทุนแห่เทขายหุ้นเพื่อทำกำไรรอบใหญ่หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พุ่งสูงต่อเนื่องในเกือบ 3 สัปดาห์ผ่านมา ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา พบว่ายอดขายปลีกเดือนธันวาคม 2022 ของสหรัฐอเมริกาสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ตกต่ำลงถึง -1.1% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงเกิดความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกามีความชัดเจนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางเงินเฟ้อผู้ผลิตในเดือนเดียวกันที่ลดลง -0.5% และต่อเนื่อง สะท้อนภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่ลดลงต่อเนื่องด้วย

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 79.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.9%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดเพิ่มขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ตุลาคม 2022

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 84.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.1%

ในปีผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ทั้งสาขาเซนต์หลุยส์ และสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่าเฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงกว่าระดับ 5% เพื่อจัดการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก ถูกถล่มเทขายอย่างรุนแรงในคืนผ่านมา จากตัวเลขเศรษฐกิจขายปลีกเดือนธันวาคมปี 2022 ที่ตกต่ำมากกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้นักลงทุนประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะถดถอยที่ชัดเจนมากขึ้น

ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,907 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -2.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -0.2% ขณะที่ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ระดับ 1,904.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ -0.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -0.2%

ในปีผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 2 ปี 10 ปี และ 30 ปี ปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ตัวชี้วัดโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟดฟันด์ พบว่านักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มสูงถึง 91.6% ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวเพียง 0.25% ในการประชุมนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 31 มกราคมถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้