ถล่มหุ้นยับ! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งหนักกว่า 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 91 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 30,706 จุด -313 จุด หรือ -1.01% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,855 จุด -43 จุด หรือ -1.12% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,425 จุด -109 จุด หรือ -0.95%

สาเหตุจากนักลงทุนรอการผลการประชุมการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะประกาศในคืนวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางการประชุมของเฟดในวันแรกเริ่มต้นขึ้นในคืนที่ผ่านมา ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 110.10 อยู่ในระดับใกล้เคียงสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี ที่เคยขึ้นไปถึงระดับ 110.79

นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 2 ปี พุ่งกระฉูดจึ้นแตะระดับ 3.99% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2007 หรือนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินล่มสลายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2008 สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวอายุ 10 ปี พุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 3.6% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2011 สะท้อนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่สูงขึ้น และทรงตัวในระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

ขณะที่ ตัวชี้วัดโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอี เฟดวอท์ช พบว่า ขณะนี้มีโอกาสเต็ม 100% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% จากก่อนหน้านี้ที่มีโอกาส 83% นอกจากนี้ โอกาสขึ้นเป็น 17% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 1.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 84.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.49% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 90.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.7% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งร่วงลงเกือบ 2% สำหรับไตรมาสที่ 3 จนถึงปัจจุบัน พบว่า ทั้งราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ และไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา ดำดิ่งมากถึง 20% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายไตรมาสที่ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 2 ปีกว่า หรือนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโรคโควิด-19

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่าสูงมากรอรับผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่จะประกาศในคืนวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางการประชุมของเฟดสิ้นสุดลงในคืนผ่านมาซึ่งเป็นวันแรกใน 2 วันของการประชุมรอบนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,673.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -10.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.26% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ราคาทองคำล่วงหน้าดำดิ่งลงปิดต่ำกว่า 1,680 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 4 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่อเมษายนปี 2020 เป็นต้นมา ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่ามากขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะ 2 ปี และ 10 ปี พุ่งสูงขึ้นรับการประชุมของเฟดกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในวันที่ 20-21 กันยายนนี้