ถูกเทนิดๆ! เงินบิทคอยน์ร่วงกว่า 100,000 บาท หลังพุ่งข้าม 40,000 ดอลลาร์

795
0
Share:

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิติทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี่ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า วันที่ 8 มกราคม ค่าเงินบิทคอยน์เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ถูกเทขายลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 36,618.36 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,135,169 บาทต่อบิทคอยน์ หลังจากพุ่งขึ้นไปแตะ 40,402.46 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,252,476 บาทต่อบิทคอยน์ ไม่เพียงทำสถิติสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ แต่ยังทะลุ 40,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีสกุลเงินดิจิทัลอีกด้วย ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มกราคม เงินบิทคอยน์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เดิมอยู่ที่ 38,885 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,205,405 บาทต่อบิทคอยน์ หรือ +9.1%
.
ค่าเงินบิทคอยน์ในช่วงที่ผ่านมาทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันค่าเงินบิทคอยน์พุ่งกว่า 700% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 2-8 มกราคม 2564 เงินบิทคอยน์พุ่งขึ้น 30% ส่งผลให้มูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์ทั่วโลกพุ่งสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 31 ล้านล้านบาท นับเป็นครั้งแรกที่มูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์สูงเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงที่ผ่านมานั้น ค่าเงินบิทคอยน์มีราคาแตะ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 2 มกราคมปีนี้ หลังจากแตะที่ระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563
.
นายนิโคลัส ปานิเกอร์โซโกล นักวิเคราะห์ธนาคารเจพีมอร์แกน คาดว่าในระยะยาวราคาบิทคอยน์มีแนวโน้มทะยานขึ้นแตะระดับ 146,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 4,526,000 บาท โดยปัจจัยที่ทำให้บิตคอยน์มีแนวโน้มแข็งแกร่งนั้นมาจากการที่นักลงทุนเริ่มกระจายการลงทุนด้วยการเข้าซื้อบิตคอยน์ นอกเหนือไปจากการซื้อทองคำในช่วงที่ผ่านมา
.
สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบิทคอยน์พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เป็นผลจากนักลงทุนประเภทสถาบันและทั่วไป ล้วนให้น้ำหนักกับเงินบิทคอยน์เป็นเครื่องมือประกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อในอนาคตที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกใช้มาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยมีจำนวนมากมาก่อน นอกจากนี้ ความคาดหวังว่าการยอมรับใช้เงินบิทคอยน์ในภาคธุรกิจทั่วไปจะมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
.
ปัจจัยต่อมา เกิดจากนักลงทุนชื่อดังในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินดิจิตัล ได้แก่ พอล ทิวดอร์ โจนส์ และสแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ โยกสินทรัพย์ส่วนตัวเข้ามาลงทุนในตลาดเงินดิจิตัลโดยเฉพาะบิทคอยน์ นอกจากนี้ กองทุนบริหารการลงทุนที่มีชื่อว่า รัฟเฟอร์ อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นกองทุนชื่อดังในสหราชอาณาจักร และบริหารสินทรัพย์มีมูลค่าสูงถึง 27,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 846,300 ล้านบาท ได้เข้าลงทุนในเงินบิทคอยน์เป็นมูลค่า 745 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 23,095 ล้านบาท
.
สำหรับปี 2020 หรือปี 2563 ค่าเงินบิทคอยน์ให้ผลตอบแทนกว่า 300% หรือเฉลี่ยเดือนละกว่า 25% นั่นหมายถึงให้ผลตอบแทนกว่า 5 เท่า นอกจากนี้ เฉพาะเดือนธันวาคม ค่าเงินบิทคอยน์ให้ผลตอบแทนทะยานกว่า 50% หรือเฉลี่ยวันละ 1.6% และมีราคาพุ่งผ่าน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2563 ส่งผลให้ค่าเงินบิทคอยน์เดือนธันวาคม ทำสถิติราคารายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2019 เป็นต้นมา
.
แม้ค่าเงินบิทคอยน์จะเกิดความผันผวนอย่างมากในช่วงภาวะโรคระบาดโควิด-19 โดยถูกเทขายทรุดลง -25% ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ตลาดมูลค่าเงินบิทคอยน์ในปัจจุบันมีมูลค่ามากถึง 518,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16 ล้านล้านบาท เทียบเท่าได้กลับมูลค่าเศรษฐกิจประเทศไทยทั้งประเทศ
.
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ค่าเงินบิทคอยน์มีขึ้นมาเป็นเวลา 13 ปีผ่านมานั้น ค่าเงินบิทคอยน์เคยสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เดิมที่ระดับเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2017 ที่ระดับ 19,783 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 613,273 บาทต่อบิทคอยน์ ถัดจากนั้นจึงเกิดภาวะค่าเงินบิทคอยน์ฟองสบู่แตก ถูกถล่มเทขายหนักถึง 3,122 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 96,782 บาท ในปี 2018
.