ทนไม่ไหว! หอการค้าไทยพร้อมพาซีอีโอบริษัทในไทยคุยลดค่าไฟฟ้ากับนายกรัฐมนตรี

210
0
Share:
ทนไม่ไหว! หอการค้าไทย พร้อมพาซีอีโอบริษัทในไทยคุยลด ค่าไฟฟ้า กับนายกรัฐมนตรี

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานร่วมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ เตรียมจะจัดหารือผู้บริหารระดับสูง หรือซีอีโอ แต่ละองค์กร ทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อยื่นหนังสือและขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หากรัฐบาลยังไม่ชัดเจนต่อการแก้ปัญหาดังกล่าว ขณะนี้ยังพอมีเวลาตัดสินใจก่อนปีใหม่ โดยภาคเอกชนพร้อมหาทางออกแก้ไขด้วยกัน

หากค่าไฟภาคเอกชนไม่ปรับลดลง เบื้องต้นปี 2566 เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 0.5% แน่นอน เป็นการซ้ำเติมธุรกิจ โดยตัวเลขการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 48% ภาคธุรกิจ 27% รวมกันเกือบ 70% ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงประเมินจีดีพีปี 2566 อาจจะกระทบ 0.3-0.5% ทำให้แนวโน้มอัตราการเติบโตของจีดีพีไทยที่อาจไม่ถึงที่วางไว้ 3.0-3.5%

ขณะนี้มีเจ้าของธุรกิจในทุกภาคส่วน ให้ข้อมูลถึงความเดือดร้อนจากการปรับขึ้นค่าไฟ และร้องขอให้หอค้าไทย และ กกร. (คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน) ประสานไปยังรัฐบาล ล่าสุดผู้ประกอบการโรงเรียนหลายแห่งแจ้งว่าได้รับเดือดร้อนมาก เพราะโรงเรียนหลายแห่งใช้เครื่องปรับอากาศในห้องเรียนและห้องกิจกรรมการเรียนการสอน จึงไม่ได้กระทบแค่ภาคอุตสาหกรรม การค้า บริหาร หรือท่องเที่ยวเท่านั้น สถาบันการศึกษาก็เจอปัญหาด้วย

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า จากการเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนราคาค่าไฟสำหรับผู้ใช้ไฟกลุ่มอื่น อาทิ อุตสาหกรรม การค้า บริการ เกษตร ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะราคาค่าไฟที่ 5.69 บาทต่อหน่วยนั้น ต้องยอมรับว่ามี 3 เรื่องที่กังวลอย่างมากคือ ราคาอัตรานี้จะกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระดับสูง และทำให้แนวโน้มการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ของไทยอาจลงด้วย เพราะต้นทุนค่าไฟของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนักลงทุนต่างชาติพิจารณาค่าไฟเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะมีการประชุมในวันนี้ 26 ธันวาคม หลังจากได้ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) ที่จะใช้ในเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าจัดเก็บอยู่ที่ 5.69 บาทต่อหน่วย ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์