ทองไปต่อ! ทองคำตลาดโลกปิดสูงเหนือ 2,065 ดอลลาร์ รวมขึ้น 2 วันกว่า 17 ดอลลาร์

120
0
Share:
ทองไปต่อ! ทองคำโลก ปิดสูงเหนือ 2,065 ดอลลาร์ รวมขึ้น 2 วันกว่า 17 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,053.14 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +9.35 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.4% ส่งผลราคาปิดขึ้น 2 วันรวมกัน +17.17 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ 1.1%

ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2023 ในช่วงระหว่างวันซื้อขาย ราคาทองคำส่งมอบทันที พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 2,135.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลให้ราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันทำสถิติราคาทองคำส่งมอบทันทีสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้ในตลาดเอเชีย เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2023 ราคาทองคำส่งมอบทันทีมีราคาพุ่งกระฉูดถึงระดับที่ 2,148.99 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,065 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +13.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.7% ส่งผลราคาปิดขึ้น 2 วันรวมกัน +17.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ 0.8% ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2023 โดยในช่วงระหว่างวันซื้อขาย ราคาทองคำล่วงหน้า ขึ้นสูงสุดที่ 2,152.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลให้ราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกปิดเพิ่มขึ้น +2% เป็นสัปดาห์ที่ 2 ที่ปิดเพิ่มขึ้นติดต่อกัน ในขณะที่ ทั้งเดือนพฤศจิกายนผ่านไป ราคาทองคำโลกเพิ่มขึ้น +2.7% นับเป็นเดือนที่ 2 ที่ราคาปิดขึ้นในแดนบวก

ก่อนหน้านึ้ ในเดือนตุลาคม พบว่าราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 8% โดยนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่กลุ่มฮามาสติดอาวุธเปิดฉากโจมตีอิสราเอลจนนำไปสู่สงครามรุนแรงในรอบ 75 ปีของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 190.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากราคาทองคำตลาดโลกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2023 อยู่ที่ระดับ 1,809.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

เมื่อกลางเดือนเมษายนปี 2023 ผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกอ่อนค่าขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับลดลง หลังจากตัวเลขรายจ่ายบริโภคส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานและทั่วไปเดือนพฤศจิกายน พบว่าลดต่ำลงจากที่คาดการณ์ไว้ และยังเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน หรือตั้งแต่เมษายน 2020 ท่ามกลางผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า ไม่มีกรรมการคนใดในเฟดพูดถึงเรื่องการลดดอกเบี้ยระยะสั้นในปีหน้า

ขณะที่ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในการประชุมเดือนมีนาคม ปี 2024 อยู่ที่ 66% ซึ่งลดลงจากเดิมเคยมองว่ามีโอกาสราว 70%