ทิ้งบอมดอลล์! แห่ถล่มเทเงินดอลลาร์ดิ่งแรงสุดในรอบ 13 ปี

ตลาดซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อคืนผ่านมาตรงกับวันที่ 10 พฤศจิกายน ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบเงินเยนร่วงลงมากถึง -3.94% ส่งผลเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะ 140.92 ต่อดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับเงินปอนด์สเตอริงแข็งค่าขึ้นถึง 3.15% มาแตะที่ 1.1714 ต่อดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกันกับค่าเงินเหรียญยูโรแข็งค่าขึ้นถึง 1.93% มาแตะที่ระดับ 1.0204 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่ามากสุดใน 1 วันที่มากที่สุดในรอบ 13 ปี หรือตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา

สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าที่คาดหมายไว้มาก โดยเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% และ 7.7% ตามลำดับจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และ 7.9% ตามลำดับ สอดคล้องกับเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% และ 6.3% ตามลำดับจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และ 7.9% ตามลำดับ ส่งผลให้เป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ ที่สำคัญ เงินเฟ้อทั่วไปยังลดต่ำลงจากเดือนกันยายนที่สูงถึง 8.2% และหลุดเงินเฟ้อระดับ 8% ในรอบ 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ร่วงลงถึง 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 3.81% เช่นเดียวกันอายุ 2 ปี ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 4.32%

นายโจเซฟ ลาวอร์กนา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เอสเอ็มบีซี นิกโก ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและขั้นพื้นฐานเดือนตุลาคมของสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างน่าประหลาดใจนั้น กลายเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาได้ผ่านจุดสูงสุดของเงินเฟ้อแล้ว

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับสกุลสำคัญหลักของโลกยังคงแข็งค่า 16% นับตั้งแต่ต้นปีนี้