ธนาคารทยอยแจ้งผลดำเนินการงบครึ่งปีแรก กสิกรฯ กำไรหด 1.22% ซีไอเอ็มบี ไทย กำไรลด 35.3%

352
0
Share:
ธนาคาร ทยอยแจ้งผลดำเนินการงบครึ่งปีแรก กสิกรฯ กำไร หด 1.22% ซีไอเอ็มบี ไทย กำไรลด 35.3%

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งแรกของปี 66 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 65 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน21,735 ล้านบาท ลดลง 1.22% และยังคงดำเนินการตามหลักความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอในการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ตามแนวทางการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการลูกค้าธุรกิจรายใหญ่รายหนึ่งที่เริ่มมีสัญญาณความเสื่อมถอยในไตรมาสก่อน และได้มีสำรองฯ ครบถ้วนแล้วในไตรมาส 1/66 โดยแม้สินเชื่อดังกล่าวถูกจัดเป็นสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตในไตรมาส 2 ธนาคารก็ยังคงมีความแข็งแกร่งจากการเตรียมการมาก่อนหน้า

ส่วนสำรองฯ ในไตรมาส 2 นี้ แม้ว่ายังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 32.77% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่มีความใกล้เคียงกับที่ธนาคารได้ประมาณการไว้ก่อนหน้า เพื่อรองรับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ยังส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยังไม่กระจายตัวทั่วถึง และส่งผลต่อลูกค้าบางกลุ่มที่ยังมีความเปราะบาง

กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 54,004 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15.73% ผลจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของธนาคารและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ร่วมกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 12.25% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อใหม่ตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.54% แม้ว่าจะมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอัตราปกติในอัตรา 0.46%

ด้านธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 66 อยู่ที่ 21,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.2% จากงวดแรกปี 65 โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 36.0% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝาก และการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 66 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.88% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 18.3% ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ลดลงเป็น 47.1% ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งสำรองในไตรมาส 2/66 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ทำให้สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดครึ่งปีแรกปี 2566 มีจำนวน 17,354 ล้านบาท
ธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยื

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน 7,156.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565

สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 4.6 และรายได้อื่นร้อยละ 1.3 สุทธิกับการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิร้อยละ 21.7 กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงร้อยละ 7.3 เป็นจำนวน 3,105.6 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน ร้อยละ 0.7 สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ร้อยละ 7.9

กำไรสุทธิลดลง จำนวน 746.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.3 เป็นจำนวน 1,368.9 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 94.2 โดยเป็นการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักความระมัดระวังของธนาคารและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่