ธนาคารโลกชี้น้ำมันดิบโลกอาจทำนิวไฮแตะ 157 ดอลล์ 2 เดือนสุดท้ายมีเห็นกว่า 100 ดอลล์

ธนาคารโลก เปิดเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ซึ่งเหลือเพียง 2 เดือนสุดท้าย หากสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสติดอาวุธรุนแรงถึงขั้นทำให้เกิดภาวะสะดุดหยุดลงของอุตสาหกรรมน้ำมันดิบ จะทำให้ราคาน้ำดิบตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 93-102 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

นอกจากนี้ แนวโน้มของสถานการณ์สู้รบอาจเลวร้ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับความขัดแย้งสู้รบถูกยกระดับและขยายวงออกไป จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำดิบหายไปจากตลาดน้ำมันดิบโลกระหว่าง 3-5 ล้านบาร์เรล ดังนั้น ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงถึงกว่า 120 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงถึง 157 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล อาจจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์โลก นั่นหมายถึง สงครามในตะวันออกกลางมีความรุนแรงขั้นสูงสุดกระทบปริมาณน้ำดิบหายไปจากตลาดน้ำมันดิบโลกระหว่าง 6-8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเปรียบได้ใกล้เคียงกับในวิกฤตน้ำมันดิบโลกเมื่อปี 1973 ซึ่งถูกสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกพร้อมใจกันคว่ำบาตรห้ามประเทศในกลุ่มอาหรับส่งออกน้ำมันดิบเมื่อ 50 ปีผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมเป็นต้นมา ซึ่งรวมกินเวลาถึง 3 สัปดาห์นั้น ผลกระทบของสงครามทั้ง 2 ฝ่ายมีผลต่อตลาดน้ำมันดิบน้อย ทำให้สะท้อนถึงเศรษฐกิจโลกมีความสามารถในการปรับปรุงการรับมือสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกที่ตื่นตกใจได้

ทั้งนี้ ธนาคารโลก เปิดเผยว่า ในกรณีพื้นฐาน จะพบในไตรมาสที่ 4 นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะมีราคาเฉลี่ยที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และจะลดลงไปเหลือที่ระดับ 81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลภายในปี 2024 สาเหตุจากเศรษฐกิจโลกในปี 2024 นั้น จะชะลอตัวและซบเซา ในภาพรวมแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกจะลดต่ำลงถึง -4.1% ก่อนที่จะฟื้นกลับไปมีเสถียรภาพในปี 2025

ทั้งนี้ เมื่อคืนผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.78% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 87.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.35%