“ธรรมนัส” ประกาศลั่นปราบยางพาราเถื่อน ขีดเส้นรายงานสรุปผลใน 10 วัน แก้ปัญหาราคาตกต่ำ

222
0
Share:
ธรรมนัส ประกาศลั่นปราบ ยางพารา เถื่อน ขีดเส้นรายงานสรุปผลใน 10 วัน แก้ปัญหาราคาตกต่ำ

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิด “งานแถลงผลงานกรมวิชาการเกษตร 2566 ในโอกาสครบรอบ 50 ปี กรมวิชาการเกษตร” ภายใต้แนวคิด “ตลาดนำการวิจัย มุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ว่าตนได้สั่งให้หน่วยงานที่อยู่ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ติดตามปัญหาการลักลอบนำเข้ายางพาราจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ถึงปริมาณและผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมไปถึงแนวทางการแก้ปัญหาโดยให้เวลา 10 วันในการติดตามสรุปผลข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเสนอกระทรวงฯ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป

โดยต้องยอมรับว่าปัญหาการลักลอบนำเข้ายางพาราตามชายแดน ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายให้กับยางพาราในประเทศให้มีราคาที่ตกต่ำ เนื่องจากว่าราคายางพาราในต่างประเทศถูกกว่าราคายางพาราในไทย และการลักลอบนำเข้ามาส่วนใหญ่นำเข้ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศ

ทั้งนี้ ตนจะมีการหารือกับผู้ประกอบการที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า โดยจะขอความร่วมมือให้ใช้ ยางพาราภายในประเทศโดยจะมีการหารือกันในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งนี้ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นว่ามีการลักลอบนำเข้าในแต่ละปีปริมาณเท่าไร สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางต่อไป

สำหรับการพิจารณามิสเตอร์เกษตร ตนได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการพิจารณาและทบทวนเพื่อสรุปมิสเตอร์เกษตรโดยคาดว่าในต้นเดือนตุลาคม 2566 จะมีความชัดเจน ซึ่งมิสเตอร์เกษตรจะรวมไปถึงพืชเศรษฐกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องด้วย

ส่วนงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากชุดก่อน ที่ผ่านมาประมาณ 2,500 ล้านบาทที่ใช้ในงานพืชสวนโลก กรมวิชาการได้รับจัดสรร 130 ล้านบาท สำหรับเตรียมภาคเกษตรใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน เบื้องต้นอาจจะมีการพิจารณานำงบประมาณไปปรับปรุงพืชสวนโลกที่เชียงใหม่และอุดรธานี ส่วนจะมีการใช้งบประมาณเท่าไรนั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาและพิจารณาให้อย่างรอบคอบ เป้าหมายเพื่อที่จะปรับปรุงพืชสวน เพื่อก่อประโยชน์และสร้างรายได้สูงสุด

นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เป็นหน่วยงานนำทางในการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทยในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จึงเน้นย้ำให้นำผลงานวิชาการที่กรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาขึ้น ในฐานะผู้นำในการพัฒนาผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ที่สามารถนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง สร้างคุณค่าให้กับองค์กรให้เติบโตเข้มแข็งขึ้นภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้กับการพัฒนาการเกษตรของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และยั่งยืนต่อไป