ธอส.ยันตรึงดอกเบี้ยนานที่สุด มั่นใจปล่อยกู้ตามเป้าหมาย 2.35 แสนล้าน คุมNPL สิ้นปี 4%

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 7 ครั้ง ซึ่ง ธอส. ขึ้นตามแต่ดอกเบี้ยเงินฝาก ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ที่กระทบต่อคนซื้อบ้านนั้น ธอส. ขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่ 3 ครั้ง เพราะเข้าใจดีว่าการขึ้นดอกเบี้ยมีผลกระทบต่อคนที่กู้ซื้อบ้าน จึงพยายามตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด แม้ว่าอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

ปัจจุบันธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 162,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ที่ตั้งไว้ 235,480 ล้านบาท มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า

ทั้งนี้ ธอส.มียอดสินเชื่อคงค้าง 1.65 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ธอส.ยังตั้งสำรองหนี้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 140,725 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีบัญชีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 4.31% อยู่ที่ไม่เกิน 4% แต่ไม่น่ากังวล เพราะที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ NPL ไปแล้วกว่า 170,000 ล้านบาท

ส่วนนโยบายจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 ครั้งต่อเดือน นายกฤษณ์ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อผู้ผ่อนสินเชื่อ เนื่องจากการจ่ายเงินงวดของลูกค้าไม่ได้จ่ายเฉพาะสิ้นเดือนอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้กู้กู้เงินตอนไหน และครบกำหนดชำระเงินงวดตอนไหน หมายความว่ามีคนจ่ายเงินงวดอยู่แล้วทุกวัน แต่ ธอส.เองได้มอบนโยบายไปแล้วให้ศึกษาแนวทางว่า หากรัฐบาลจะปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินเดือนเป็น 2 ครั้ง จริง ธนาคารจะปรับระบบตามให้เป็นผ่อนเดือนละ 2 ครั้ง และถ้าปรับแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร ลูกค้าอยากได้แบบไหน กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทาง

นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 70 ปี และช่วยให้คนไทยมีบ้านตามนโยบายรัฐบาล ธอส.ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบ้าน 70 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ นาน 3 ปีแรก โดยเดือนที่ 1-6 เท่ากับร้อยละ 0.70 ต่อปี เดือนที่ 7-24 ร้อยละ 2.70 ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับร้อยละ 3.70 ต่อปี สำหรับลูกค้าที่กู้เพื่อปลูกเอง ต่อเติม กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อน 3,500 บาทนานถึง 2 ปี มีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อแล้ว 5,555.76 ล้านบาท และยังได้ออกเงินฝากออมทรัพย์ครบรอบ 70 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุดถึงร้อยละ 7.70 ต่อปี โดยแค่เปิดบัญชีเงินฝากขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 31 ตุลาคม 2566 ที่สาขาธนาคารทั่วประเทศ จะได้รับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.70 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยรวมสูงถึง 2.43-2.53 ต่อปี