“ธีระชัย” เปิด 8 ข้อรัฐบาลทำเศรษฐกิจแย่

710
0
Share:

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “เศรษฐกิจตกสะเก็ดเพราะรัฐบาลลุงตู่อย่างไร?” เพราะโลกที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาบังคับให้ทุกคนต้องปรับตัว แต่กลุ่มที่แก้ปัญหาช่วยตัวเองได้น้อย คือระดับรากหญ้าและธุรกิจ sme รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยึดทฤษฎี Top down คือเน้นให้โอกาสนายทุนทั้งไทยและเทศ เพื่อช่วยจ้างงาน และเมื่อมีกำไรแล้ว น้ำจะล้นเขื่อนลงไประดับล่างเอง
.
นายกฯห้อมล้อมตนเองด้วยคนที่เคยรับใช้นายทุน จึงไม่มีใครเสนอทฤษฎี Bottom up ไม่สนใจทำให้รากหญ้าและ sme เข้มแข็งเสียก่อน และฟ้าดินก็ส่งทรัมป์ไปเป็นผู้นำสหรัฐ เปิดสงครามการค้ากับประเทศต่างๆ พาโลกถอยหลังจากโลกาภิวัฒน์ บีบให้ทุกประเทศต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน รัฐบาลนี้กลับไม่ชี้นำแบงค์ชาติ ติดกับดับ Inflation targeting ปล่อยให้เงินบาทแข็ง ยิ่งกระทบกำลังซื้อของเกษตรกรและ sme หนักขึ้น
.
แต่นอกเหนือจากปัจจัยภายนอก นายกฯยังเผชิญปัจจัยภายในอีกด้วย เป็นปัจจัยที่นายกฯ สร้างเอง จากการละเลยธรรมาภิบาลและการป้องปรามคอร์รัปชัน รวมทั้งทำโครงการที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุนหลายเรื่อง และทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทำให้ฐานะของรากหญ้าลำบากขึ้น ความเหลื่อมล้ำของไทยติดอันดับโลก ตัวอย่างเช่น
.
1) ออกกฎหมายศุลกากร เปลี่ยนแปลงฐานการคิดค่าปรับฉ้ออากร จากเดิม 21 ส่วนลดลงเหลือเพียง 1 ส่วน เป็นการช่วยลดค่าปรับของบริษัทบุหรี่ต่างชาติรายหนึ่งจาก 8.4 หมื่นล้านบาทเหลือเพียง 2 พันล้านบาทเศษ และเนื่องจากสิทธิในค่าปรับดังกล่าวเป็นของรัฐ เปรียบเทียบเป็นการปล้นแผ่นดินทำให้ประชาชนเสียหาย ได้หรือไม่?
.
2) ออกโครงการไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน ให้เอกชนเช่าที่มักกะสันของ ร.ฟ.ท. 50 ปี 140 ไร่ เป็นการช่วยเอกชนให้เช่าถูก โดยคิดค่าเช่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่าแท้จริง ที่เปรียบเทียบกับที่ดินห้าแยกลาดพร้าวของ ร.ฟ.ท. มูลค่าจะเกิน 1.5 แสนล้านบาท เปรียบเทียบเป็นการปล้น ร.ฟ.ท. ได้หรือไม่? ทำให้หมดสิทธิที่จะใช้ที่ดินพระราชทานเพื่อแก้ปัญหาตัวเอง และทำให้ประชาชนเสียหาย
.
3) ออกกฎหมายอีอีซี เปลี่ยนแปลงผังเมืองโดยไม่ยึดหลักวิชาการ เป็นการช่วยให้เอกชนกว้านซื้อที่ดินสีเขียวราคาถูก เพื่อวิ่งเต้นขอเปลี่ยนเป็นสีม่วงอุตสาหกรรม ราคาสูงขึ้นหลายสิบเท่า และช่วยให้อภิมหานายทุนวิ่งไล่ซื้อที่ดินไว้เก็งกำไรอีกด้วย โครงการนี้จะทำให้พื้นที่เกษตรรอบข้างเสียหาย ทำลายแหล่งผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำหลักของประเทศ และจะกระทบต่อนโยบาย ‘ครัวไทยครัวโลก’
.
4) ออกกฎหมายสรรพสามิต เปลี่ยนแปลงวิธีกำหนดฐานราคาบุหรี่ เป็นการช่วยให้บริษัทบุหรี่ต่างชาติสำแดงราคาต่ำเพื่อเข้าอัตราภาษีร้อยละ 20 แต่โรงงานยาสูบของรัฐต้องสำแดงราคาสูง เพราะมีภาระรับซื้อใบยาจากเกษตรกร ทำให้โดนอัตราภาษีร้อยละ 40 ไม่สามารถแข่งขันกับบุหรี่ต่างชาติ ทำให้กำไรปีละเกือบหมื่นล้านบาทของโรงงานยาสูบหายไปโดยไม่มีความจำเป็น
.
5) ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีมติให้คืนระบบท่อก๊าซธรรมชาติให้กระทรวงการคลังอย่างครบถ้วน ทั้งที่กฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินบัญญัติไว้ ให้ต้องทำตามมติของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเท่านั้น เป็นการช่วยให้มีการผูกขาดธุรกิจก๊าซต่อไป เปรียบเทียบเป็นการปล้นประชาชน เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ผูกขาด และทำให้กระทรวงการคลังเสียหาย ได้หรือไม่?
.
6) ออกทีโออาร์ประมูลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช โดยยอมให้บริษัทต่างชาติที่ฉ้อภาษีเข้าร่วมประมูล ทำให้กระทรวงการคลังเสียหาย เปรียบเทียบเป็นการปล้นชาติได้หรือไม่? ที่ยอมให้บริษัทต่างชาติฉกฉวยประโยชน์จากรัฐ ทั้งที่ความไม่สุจริตปรากฏแล้วชัดเจน
.
7) ยกเลิกเพดานราคาก๊าซหุงต้มแก่ภาคครัวเรือน เปลี่ยนไปอ้างอิงราคาตลาดโลกแทน ทั้งที่เป็นก๊าซที่ผลิตจากอ่าวไทยราคาถูกกว่า เป็นการช่วยให้บริษัทที่ผูกขาดธุรกิจก๊าซกำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่ภาคครัวเรือนต้องควักกระเป๋าซื้อก๊าซหุงต้มแพงขึ้น
.
8) ยกเลิกการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ จากเดิมที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต มีภาระต้องจ่ายกำไรนายหน้าให้แก่บริษัทที่ผูกขาดธุรกิจก๊าซ จึงขออนุมัติรัฐบาล ขอเปลี่ยนเป็นนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเองเพื่อไม่ต้องเสียค่านายหน้า ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ด้วยการลดค่าไฟฟ้า แต่กลับถูกยกเลิก เปรียบเทียบเป็นการปล้นประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ล้วงกระเป๋าชาวบ้านไปให้แก่ผู้ผูกขาดธุรกิจก๊าซ ได้หรือไม่?
.
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางตัวอย่างผลงานของรัฐบาลนายกฯ ที่ทำร้ายประชาชน ทำให้ความเป็นอยู่ฝืดเคือง ทำให้ประชาชนกังวลต่อวาทะแห่งปี !! ผมอยู่อีกนาน !!