ธุรกิจเอสเอ็มอีในไทยปี 65 หดตัวจากผลสงครามรัสเซีย ลดเป้าเหลือ 3.4%

292
0
Share:
ธุรกิจเอสเอ็มอี

รายงานสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) โดย สสว. ได้ปรับประมาณการสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (GDP MSME) ตลอดปี 2565 ขยายตัว 3.4-4.5% ลดลงจากที่เคยประมาณการไว้เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2565 ที่ 3.5-4.9%

เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลต่อราคาน้ำมันและราคาสินค้าวัตถุดิบหลายประเภท ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกรวมทั้งในประเทศ ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะยิ่งกระทบต่อราคาของสินค้าวัตถุดิบและสินค้าทุนที่ธุรกิจเอสเอ็มอีต้องนำเข้ามาผลิตสินค้าและบริการ ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนหลักที่จะช่วยให้จีดีพีของเอสเอ็มอีขยายตัวได้ตามที่คาด จะมาจากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อัตราการขยายตัวของธุรกิจเอสเอ็มอี พบว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัวได้ 3.8% เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.5% โดยมีมูลค่า 1.52 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) รวมเท่ากับ 35.3% ขณะที่จีดีพีไทยไตรมาสแรกขยายตัว 2.2%

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามขนาดธุรกิจ พบว่าจีดีพีธุรกิจรายย่อยยังคงขยายตัวได้เท่ากับ 12.5% ธุรกิจขนาดกลางขยายตัว 4.3% ขณะที่ธุรกิจขนาดย่อมกลับมาขยายตัวได้ 1% หลังจากที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 โครงการภาครัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสที่ 4 มีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของธุรกิจรายย่อยและธุรกิจขนาดย่อม โดยเฉพาะธุรกิจในภาคการค้าและการบริการ สำหรับมูลค่าการส่งออกของธุรกิจเอสเอ็มอีในไตรมาสแรกของปี 2565 ยังเติบโตได้ถึง 27.6% ต่อเนื่องจากปีก่อน